NT เข้าร่วมประชุมผู้ให้บริการโทรคมนาคมระดับนานาชาติในงาน PTC’23 ณ โฮโนลูลู ฮาวาย

NT เข้าร่วมประชุมผู้ให้บริการโทรคมนาคมระดับนานาชาติในงาน PTC’23 ณ โฮโนลูลู ฮาวาย

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมของประเทศไทย โดยเข้าร่วมงาน PTC’23 งานประชุมนานาชาติด้านโทรคมนาคม งานที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารระดับ Global มารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งจัดประจำทุกปี ณ โฮโนลูลู รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 -18 มกราคม 2566

โดย PACIFIC TELECOMMUNICATIONS COUNCIL หรือ PTC นั้น เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารระดับสูงทางด้าน ICT ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมกับเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลและความร่วมมือทางธุรกิจ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีระหว่างกันในทุกปีผ่านงานประชุม PTC โดยมีผู้บริหารและตัวแทนเข้าร่วมงานกว่า 5,000 ราย จากอุตสาหกรรมโทรคมนาคมระดับโลก เพื่อแลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์ในอุตสาหกรรม อาทิ Global Service Providers, Subsea Cable Suppliers, Satellite Providers, Data Center providers, MNOs/MVNOs ฯลฯ เพื่อเตรียมพร้อมธุรกิจสู่ปี 2023 โดยปีนี้มี นายเสกสรรค์ มิตรเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์, นายอภิชาติ สวรรค์คำธรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์ และ นางอุบลพรรณ ชื่นชม ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ จาก บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ เข้าร่วมงาน

NT เข้าร่วมประชุมผู้ให้บริการโทรคมนาคมระดับนานาชาติในงาน PTC’23 ณ โฮโนลูลู ฮาวาย

นายเสกสรรค์ มิตรเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวว่า การเข้าร่วมงานประชุมด้านโทรคมนาคมระดับโลก เป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญของ NT เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยสู่สายตาผู้บริหารในแวดวงโทรคมนาคมนานาชาติที่มารวมตัวกัน และเป็นโอกาสในการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างกันสำหรับอุตสาหกรรมการสื่อสารระดับ Global เพื่อการพัฒนาโครงข่ายพื้นฐานด้านโทรคมนาคมระหว่างประเทศและภายในประเทศ และเตรียมพร้อมรองรับความต้องการใช้งานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการใช้งาน 5G, ปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของ OTT และความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศที่เติบโตขึ้นอย่างมาก ผู้ให้บริการ Content หลายรายขยายการให้บริการมายังประเทศไทยโดยการตั้ง POPs เพื่อให้ได้ประสบการณ์การใช้งานด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีดิจิทัลแก่ผู้ใช้ที่ดียิ่งขึ้น NT จึงพัฒนาและขยายการให้บริการเพื่อรองรับเทรนด์ดังกล่าว ไปพร้อม ๆ กับการอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีของโลก ที่กำลังจะมาถึง อาทิ เทคโนโลยี AI ที่จะถูกพัฒนาให้มีศักยภาพและความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น, การขยายบริการ Cloud Platform ในเชิงลึกของภาคอุตสาหกรรม, Platform Engineering ที่ธุรกิจต่างสร้างแพลตฟอร์มเพื่อใช้งานด้วยตัวเองผ่านระบบอัตโนมัติ, เทคโนโลยีไร้สายอย่าง 5G, WiFi หรือ Bluetooth ที่จะถูกพัฒนานวัตกรรมให้เหนือกว่าแค่ใช้ในการสื่อสาร และ Superapps ที่รวบรวมหลากหลายบริการ เป็นต้น ซึ่งเทรนด์เทคโนโลยีเหล่านี้ ล้วนต้องการโครงข่ายพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่มีศักยภาพ

NT เข้าร่วมประชุมผู้ให้บริการโทรคมนาคมระดับนานาชาติในงาน PTC’23 ณ โฮโนลูลู ฮาวาย

และด้วยความพร้อมของ NT ที่ได้ดำเนินการโครงการขยายอินเทอร์เน็ตเกตเวย์และระบบเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลไทย ซึ่งจะเป็นประตูสู่การค้าที่สำคัญของประเทศไทย ครอบคลุมทุกรูปแบบการลงทุนและความร่วมมือทางธุรกิจ กับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และ เวียดนาม รวมถึงการร่วมลงทุนในระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศเส้นใหม่ Asia Direct Cable (ADC) ซึ่งจะเชื่อมต่อประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศเวียดนาม ประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่น โดยมีกำหนดเปิดใช้งานปลายปี 2023

ประกอบกับจุดแข็งสำคัญของ NT ได้แก่ เสาโทรคมนาคมกว่า 25,000 ต้น ทั่วประเทศ กระจายสัญญาณให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ, เคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศ 9 ระบบ ที่เชื่อมต่อไปยังทุกทวีป, คลื่นความถี่หลักเพื่อให้บริการ 5 ย่าน รวม 540 เมกะเฮิรตซ์, ท่อร้อยสายใต้ดินที่มีระยะทางรวม 4,600 กิโลเมตร, สายเคเบิลใยแก้วนำแสง 4 ล้านคอร์กิโลเมตร, ระบบโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่เข้าถึงจากทุกประเทศทั่วโลกแบบไร้ข้อจำกัด และ Data Center 13 แห่งทั่วประเทศ ที่เพิ่มขีดความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยด้วยบริการ Cloud และ Cyber Security ของ NT จึงมั่นใจได้ว่าเราจะสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของธุรกิจและเพิ่มศักยภาพความพร้อมของไทยที่จะเป็น Digital Hub ด้านโทรคมนาคมของภูมิภาคนี้ได้อย่างเข้มแข็งและสมบูรณ์แบบ