"พระพยอม" ไม่ปิดกั้นกลุ่มไหนถ้าทำแล้วเกิดประโยชน์กับวัดและส่วนรวม

"พระพยอม" ไม่ปิดกั้นกลุ่มไหนถ้าทำแล้วเกิดประโยชน์กับวัดและส่วนรวม หลัง "เนติวิทย์" เปลี่ยนป้ายคติคำสอน "วัดสวนแก้ว" เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน

จากกรณีที่ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับการที่ตนและเพื่อนๆ จากสโมสรนิสิตจุฬาฯ ได้ทำการเปลี่ยนป้ายคติคำสอนใหม่ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน บริเวณวัดสวนแก้ว โดยได้รับการอนุญาตจากพระอาจารย์พยอม กัลยาโณ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมข้อความว่า

"วันนี้ผมและเพื่อนๆ ในสโมสรนิสิตจุฬาฯ มีโอกาสไปกราบนมัสการพระอาจารย์พยอม กัลยาโณ ที่วัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี นอกจากสนทนากับท่านเพื่อหาทางความร่วมมือที่สโมสรนิสิตจุฬาฯ จะมีส่วนช่วยกิจการพัฒนาสังคมของท่าน และเกิดประโยชน์กับ ผมมาที่วัดนี้เป็นครั้งแรก ได้เห็นถึงความร่มรื่น สภาพแวดล้อมที่ดี และเรียนรู้กิจกรรมเพื่อสังคมของที่วัด แต่ก็เหลือบเห็นป้ายคติธรรมต่างๆ ที่ติดตามต้นไม้ บางอันสึกหรอแล้ว บางอันล้าสมัยแล้ว อย่างข้อความเช่น “ถ้าอยากเป็นชายจริงหญิงแท้ อย่าแปรเปลี่ยนประเพณี” หรือ “ถ้าอยากให้ไทยคงเป็นไทย อย่าทำลายวัฒนธรรม” ป้ายเหล่านี้คงติดมาไม่ต่ำกว่าสิบถึงยี่สิบปี อาจจะเคยสื่อสารกับสังคมยุคหนึ่งได้ แต่ไม่ใช่ในยุคนี้แล้ว ป้ายพวกนี้ดูไม่เข้าใจบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป คุณค่าใหม่ๆ ที่เข้ามาในสังคม ไม่ต้อนรับคนรุ่นใหม่ นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งให้หลายๆ วัดมีแต่คนแก่และต้องอนุรักษ์นิยมด้วยเท่านั้นผมกราบเรียนปรึกษาพระอาจารย์พยอมต่อประเด็นนี้ ท่านเห็นด้วยว่าข้อความในหลายๆ ป้ายล้าสมัยไปแล้ว ควรปรับให้เข้ากับสังคมร่วมสมัย ท่านให้ผมไปสรรหาถ้อยคำดีๆมาติดแทน

หลังจากที่ได้เผยแพร่ออกไป ก็ได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยมีทั้งชื่นชมในความคิดที่ทำป้ายให้เข้ากับยุคสมัย และบางส่วนที่ออกมาติ เรื่องของจำนวนคำและประโยคที่ยาวและเข้าใจยาก ทำให้ต้องใช้เวลามานั่งวิเคราะห์ ไม่เหมือนของเดิม ที่อ่านไม่กี่ครั้งก็เข้าใจได้ง่าย

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว โดย ทางพระพยอม กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงที่ทางกลุ่มนายเนติวิทย์ได้เข้ามาขออนุญาตทำป้ายเตือนสติและคำสุภาษิตมาให้กับทางวัด ไม่ใช่การมาเปลี่ยนป้ายเก่าทิ้งแต่อย่างใดแต่เป็นการนำมาติดเสริมเพิ่มเติมที่ใครเคยพูดอะไรดีๆเอาไว้นำมาทำป้ายไปติดตามต้นไม้ที่ปลูกอยู่ในวัดให้เหมือนกับว่าวัดเป็นตนไม้ที่พูดได้ โดยไม่ใช่ความคิดของเขาแต่อย่างเดียวที่จะล้มล้างไอ้นู่นไอ้นี้ ป้ายที่จะเขียนติดที่วัดอาตมาก็จะดูด้วยตัวเองยกตัวอย่างเช่นคำพูดของมหาตะมะคานธี ที่พูดไว้ว่าอย่าทำตนใช้จ่ายสุหรุ่ยสุหร่ายเท่ากับเป็นการฝึกตนเป็นมหาโจร หรือของหลวงพ่อพุทธทาส พูดว่า “ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาวินาศ “ หรือ “เขามีส่วนเลวอยู่บ้างชั่งหัวเขา จงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่ เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู เรื่องชั่วๆอย่าไปรู้ของเขาเลย จะหาคนมีดีโดยส่วนเดียว อย่าเที่ยวค้นหาสหายเอย เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเลย ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง”เป็นต้น

ซึ่งหลังจากมีข่าวออกไปทางโลกโซเชี่ยลทางวัดก็ถูกหลายกลุ่มหลายคนเข้ามาโจมตีว่าเป็นการชักศึกเข้าวัดหรือเปล่า

อาตมาอยากบอกว่าในอดีตพวกเราได้รับบทเรียนกันมาเยอะแล้วที่นักศึกษาคนมีความรู้ความสามารถต้องหนีเข้าป่าไปหลบซ่อนตัว เพราะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ถ้าเราไปผลักไสไล่ส่งหรือกดดันเขามากๆจนไม่มีที่ยืนในสังคมจนไม่มีทางไปก็อาจจะซ้ำรอยเดิม แต่ถ้าเราให้โอกาสยอมรับเขาบ้างชักชวนมาทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ให้กับวัดจะไม่ดีกว่าหรือ เขาเข้ามาอาตมาได้สอนข้อคิดไปเรื่องหนึ่งคือเรื่องการที่อาตมาสร้างวัดให้เป็นประโยชน์กับญาติโยมได้อย่างทุกวันนี้เพราะอาตมาไม่ได้ใช้ความรุนแรง ไม่ไปเดินประท้วงจนถูกจับพ่อแม่ต้องไปประกันตัว ทำให้มีเวลาในการมาสร้างพัฒนาวัดอย่างทุกวันนี้และอยากฝากบอกถึงทุกกลุ่มทุกสี ทั้งนกหวีด มือตบ เท้าตบ ถ้าจะเข้ามาทำประโยชน์ให้กับวัดอาตมายินดีแต่อย่าดึงวัดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย