สวนดุสิตโพล ชี้ ปชช.อยากให้รัฐบาลพูดความจริง เร่งแก้ไขปัญหาของแพง
สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี การใช้ชีวิตของคนไทยในยุคข้าวของแพง พบว่าประชาชนอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาด้วยการพูดความจริง ไม่ปิดบังข้อมูล 58.99% รองลงมาอยากให้รัฐบาลตรึงราคาสินค้า 58.27%
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี "การใช้ชีวิตของคนไทยในยุคข้าวของแพง" จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,383 คน สำรวจระหว่างวันที่ 24-27 มกราคม 2565 โดยสำรวจหลากหลายหัวข้อ ดังนี้
สินค้าที่พบเห็นว่าแพง/ซื้อราคาแพงกว่าปกติคืออะไร?
- อันดับ 1 คือ เนื้อหมู ร้อยละ 92.75
- รองลงมาคือ ข้าวแกง กับข้าวถุง อาหารตามสั่ง ร้อยละ 72.44
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้สินค้าแพง?
- เกิดโรคระบาดในสัตว์ ร้อยละ 65.02
- มีการกักตุนและปั่นราคาสินค้า ร้อยละ 64.22
ตัวประชาชนเองแก้ปัญหาของแพงอย่างไร?
- ควบคุมการใช้จ่าย ประหยัด ร้อยละ 77.20
- ใช้สินค้าชนิดนั้นลดลง ร้อยละ 66.67
ประชาชนอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาสินค้าแพงอย่างไร?
- รัฐบาลต้องพูดความจริง ไม่ปิดบังข้อมูล ร้อยละ 58.99
- รัฐบาลต้องตรึงราคา ร้อยละ 58.27
หน่วยงานที่ควรเข้ามาแก้ปัญหาสินค้าแพง คือใคร?
- กระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 79.60
- กระทรวงเกษตรฯ ร้อยละ 57.88
- นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 55.82
ประชาชนเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาสินค้าแพงของรัฐบาล แค่ไหน?
- ไม่ค่อยเชื่อมั่น ร้อยละ 47.27
- ไม่เชื่อมั่น ร้อยละ 35.42
ประชาชนคาดว่าจะแบกรับสินค้าแพงไปได้อีกนานแค่ไหน?
- ไม่เกิน 3 เดือน ร้อยละ 34.93
- ไม่เกิน 6 เดือน ร้อยละ 28.53
- ไม่เกิน 1 เดือน ร้อยละ 18.56
- มากกว่า 6 เดือน ร้อยละ 17.98
สถานการณ์สินค้าแพงกระทบกับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มคนรายได้น้อย หาเช้ากินค่ำ หรือว่างงาน กลุ่มนี้ไม่สามารถจะแบกรับภาระของแพงได้นานมากนัก เพราะค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารการกินและการเดินทาง สูงเกินกว่าร้อยละ 80 ของรายได้ต่อวัน
นอกจากภาครัฐจะต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ควรเร่งวางแผนแก้ปัญหาระยะยาวแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบเพื่อช่วยเหลือประชาชน และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลด้วย
ราคาเนื้อหมูที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากปัญหาโรคระบาดในสุกรในหลายประเทศ ประกอบกับผู้เลี้ยงหมูรายย่อยลดลง ทำให้อุปทานของเนื้อหมูลดลง ต้นทุนอาหารสัตว์เพิ่มสูงขึ้นก็เป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาอาหารสูงขึ้น
นอกจากนี้อุปสงค์ของน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ราคาน้ำมันในตลาดโลกจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก ปัญหาเงินเฟ้อจึงทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ประชาชนกลุ่มที่รายได้น้อยจะได้รับผลกระทบค่อนข้างสูง เห็นได้จากกลุ่มตัวอย่าง 53% ไม่สามารถแบกรับภาระได้เกิน 3 เดือน
ดังนั้น นอกจากการช่วยเหลือจากภาครัฐที่ต้องเพิ่มการผลิต ป้องกันการกักตุนสินค้า ชะลอการส่งออกและเพิ่มการนำเข้าแล้ว ประชาชนทั่วไปอาจทำบัญชีรายจ่ายวิเคราะห์ตัดหรือลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เลือกอาหารที่มีโปรตีนสูงแต่ราคาไม่สูงนัก และจัดการหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยบรรเทารายได้ไม่พอรายจ่ายในช่วงนี้