เพิ่มกำลังเข้มชายแดนไทย-มาเลเซีย หลังพบโควิด "โอมิครอน" ในไทย

สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อ "โอมิครอน" รายแรกในไทย ทหาร-ตชด. เพิ่มกำลังคุมเข้มแนวชายแดนเขตรอยต่อ จ.สงขลา กับ จ.สตูล ระยะทาง 206 กิโลเมตร ป้องกันลักลอบเข้าเมือง

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 64 บรรยากาศตามแนวชายแดนไทยมาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอนรายแรกในประเทศไทยเป็นชาวอเมริกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่รับผิดชอบดูและพื้นที่ชายแดนไทยมาเลเซีย ทั้งกองกำลังเทพสตรี หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน 437 ได้เพิ่มกำลังคุมเข้มแนวชายแดนไทยมาเลเซียเขตรอยต่อเชื่อมโยง 2 จังหวัด ทั้ง จ.สตูล และ จ.สงขลา ซึ่งติดกับรัฐเปอร์ลิสและรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย

โดยมีการวางกำลังออกลาดตระเวนคุมเข้มครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอใน 2 จังหวัด 31 ตำบล 214 หมู่บ้าน ตั้งแต่หลักเขตแดนที่ 1 ต.ปูยู อ.เมือง จ.สตูล ถึงหลักเขตแดนที่ 39 ต.บาโหย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ระยะทางรวม 206 กิโลเมตร ครอบคลุมชายแดนทั้งทางบก และทางทะเล โดยจะออกลาดตระเวนต่อเนื่องทั้งกลางวัน และกลางคืน และการตั้งด่านสกัดแบบด่านซ้อนด่าน

เพื่อป้องกันการลักลอบเดินทางเข้าออกชายแดนไทยมาลเซียของกลุ่มแรงงานต่างด้าวและไทยที่ไม่ผ่านการคัดกรองโควิดซึ่งในมาเลเซียก็พบผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอนแล้วเช่นกัน

ทั้งนี้ ผลการคุมเข้มชายแดนตั้งแต่เดือน ต.ค.64- 5 ธ.ค.64 สามารถจับกุมแรงงานไทยที่ลักลอบออกมา 16ครั้ง ผู้ต้องหา 32 คน เป็น ชาย 21 คน, หญิง 11 คน แรงงานต่างด้าวลักลอบ จำนวน 20 ครั้ง ผู้ต้องหา 114 คน แยกเป็น ผู้นำพา จำนวน 8 คน สัญชาติไทย 7 คน, สัญชาติเมียนมา 1 คนสัญชาติเมียนมา จำนวน 102 คน สัญชาติกัมพูชา จำนวน 1 คน สัญชาติมาเลเซีย จำนวน 3 คน แต่ที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีการจับกุมแล้วมีผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธ์ใหม่

ส่วนสถานการณ์โควิด19 ที่จ.สงขลา ยังคงพบผู้ติดเชื้อติดอันดับต้นๆของประเทศ โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อ 221 คน ยอดสะสม 62,711 คน อยู่อันดับ3ของประเทศ