“จุรินทร์”แนะไทยจับมืออาเซียนสร้างอำนาจต่อรองทางการค้า

“จุรินทร์”แนะไทยจับมืออาเซียนสร้างอำนาจต่อรองทางการค้า

“จุรินทร์” โชว์วิสัยทัศน์ เชื่อมไทย-เชื่อมโลก ลั่นกลางวงหอการค้าทั่วประเทศ "เราต้องนำเศรษฐกิจฝ่าวิกฤติโควิดไปให้ได้" จับมือเอกชนเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผลักดันการส่งออก ดูแลปัญหาค่าครองชีพ เขื่อสงครามการค้ายังอยู่ แนะไทยจับมืออาเซียนสร้างสมดุลจีน-อเมริกา

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “Connect ธุรกิจไทย พาณิชย์ยุคใหม่ เชื่อมไทยเชื่อมโลก” ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 ผ่านระบบ Zoom Online ว่า  เอกชนเป็นกลไกที่มีความสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของประเทศ ภาครัฐเป็นผู้ช่วยสนับสนุนในการทำงานของเอกชน ภายใต้หลักการรัฐหนุนเอกชนนำ เอกชนถือเป็นกองหน้ามีหน้าที่ทำประตู การนำรายได้เข้าประเทศ ส่วนภาครัฐให้การสนับสนุนเป็นกองหลังส่งลูกให้เอกชนบุกยิงประตู โดยภาครัฐจะต้องไม่เป็นอุปสรรค กฎเกณฑ์กติกาต้องปรับปรุงแก้ไขเพราะเป็นอุปสรรคในการบุกยิงทำประตูของเอกชน ให้เอกชนทำงานคล่องตัวขึ้นและเป็นสากล เราจะต้องดูแลทุกฝ่ายทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำอย่างเป็นธรรม สร้างดุลยภาพให้อยู่ร่วมกันได้ ช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งครอบครัว สังคม ชุมชนและประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้ เป็นหัวใจสำคัญในการทำงาน ให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่าง win-win ถือว่าให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย 

 

ทั้งนี้ 2 ปีที่ผ่าน กรอ.พาณิชย์ หรือคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์นี้ ได้แก้ไขปัญหาในรูปการลงมือปฏิบัติจริง มุ่งผลสำเร็จจริง ตอนนี้คิดว่าเรามาถึงจุดที่โควิด-19เริ่มคลี่คลาย

แต่ยังนอนใจไม่ได้ สิ่งที่ต้องจับมือกันคิดร่วมกันต้องจับมือใกล้ชิดทั้งภาครัฐเอกชนต่อไป

 

นายจุรินทร์ กล่าวว่า  สำหรับกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญและขับเคลื่อน คือ

1. ประกันรายได้ ข้าว มัน ยาง ปาล์มและข้าวโพด ช่วยเกษตรกรอย่างน้อย 8,000,000 ครัวเรือน ให้เป็นฐานวัตถุดิบ เชื่อมการผลิต แปรรูปและการส่งออก เพื่อบรรลุเป้าหมายเชื่อมไทยเชื่อมโลก และไม่ได้ทำให้เกษตรกรอ่อนแอแต่ทำให้เกษตรกรมีหลักประกันในเรื่องของการผลิตพืชผลทางการเกษตร ที่สำคัญประกันรายได้ไม่เหมือนนโยบายอื่นที่ล้มเหลวมีการทุจริตคอรัปชั่น เพราะประกันรายได้ไม่ใช่การแทรกแซงตลาด ราคาในตลาดเหมือนเดิม แต่มีเงินส่วนต่างเติมให้เกษตรกรให้ยังชีพอยู่ได้ก้อนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีการบิดเบือนกลไก ซึ่งไม่มีประเทศไหนในโลกที่ไม่ดูแลเกษตรกร

 

 2 .การเร่งรัดการส่งออก โดย 9 เดือนแรกการส่งออกขยายตัว 15.5%  นำเงินเข้าประเทศรวมกัน 6.2 ล้านล้านบาท และเดือนต.ค.คาดตนว่า จะขยายตัวไม่น้อยกว่า 15%  ซึ่งทั้งปีคาดว่าเราจะได้เห็นตัวเลขบวก 2 หลักแน่นอน 

 

 3 . การค้าชายแดน ที่ผ่านมาน่าพอใจ 9 เดือนแรกโต38% ทำรายได้เข้าประเทศ 778,000 ล้านบาท ได้ผลักดันให้เปิดด่านเพิ่มเติมอีกเพื่อขขยายการค้าชายแดน และ4.

การควบคุมราคาสินค้า 10 เดือนที่ผ่านมาเงินเฟ้อ บวก 1% หมายความว่าปกติยังมีเสถียรภาพ ซึ่งปี 64 คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะ ขยายตัวอยู่ในกรอบ0.8-1.2% และปีหน้าคาดการณ์ว่าจะกรอบ 0.7-1.2% กระทรวงพาณิชย์จะมาดูว่าจะกระทบต่อราคาสินค้าของผู้อุปโภคบริโภค ในแต่ละรายการสินค้า โดยจะยึดหลักสมดุลอยู่ตรงไหน ดูแลทุกฝ่ายทั้งต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำ

 

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลกโดยใกล้ชิดยิ่งขึ้นโดยเชื่อว่าสงครามการค้ายังคงยืดเยื้อต่อไป เพราะสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อโลกต่อเรา โดยมีการนำการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจการค้า ทำให้เกิดการแบ่งฝ่าย

 

“ ประเทศไทยต้องกำหนดท่าทีให้ดี ว่าจะยืนอยู่อย่างไร ยืนอยู่อย่างสมดุลระหว่างมหาอำนาจทางการเมืองเศรษฐกิจการค้าโลกอย่างไร และที่เห็นตรงกัน คือ ต้องไม่ยืนอย่างโดดเดี่ยวต้องจับมือใกล้ชิดกับพันธมิตรของเรา อย่างน้อยที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน และต้องกำหนดท่าทีที่มีความชัดเจนร่วมกัน “นายจุรินทร์ กล่าว