ใกล้ปิดจ๊อบ ทุจริตถุงมือยางแสนล้าน อคส.

ใกล้ปิดจ๊อบ  ทุจริตถุงมือยางแสนล้าน อคส.

คดีทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง แสนล้านใกล้ถึงจุดจบ อคส.ไล่บี้เอาผิดแก๊งค์ทุจริต พร้อมสอบเชิงลึก จนท.อคส.ที่มีเอี่ยว ขณะที่”ผอ.อคส.”มั่นใจเอาเงินค่ามัดจำ 2,000 ล้านได้แน่นอน

งวดเข้ามาทุกทีกับการดำเนินคดีกับเจ้าที่อคส.และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตการจัดซื้อถุงมือยาง  500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาทขององค์การคลังสินค้า (อคส.) เมื่อมติบอร์ดอคส.เห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยที่มีมติให้เจ้าหน้าที่อคส.จำนวน 3 คนมีความวินัยร้ายแรงและลงโทษด้วยการไล่ออก พร้อมเรียกเงินเดือนคืน สิทธิประโยชน์ต่างๆคืนหลวงหมด นับตั้งแต่วันที่กระทำความผิดจนถึงปัจจุบัน ถ้าไม่ยอมคืน ก็ต้องฟ้องร้องกันตามกฎหมาย

โดยทั้ง 3 คนประกอบด้วย ประกอบด้วย พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส., นายเกียรติขจร แซ่ไต่ และนายมูรธาธร คำบุศย์  เจ้าหน้าที่บริหารระดับ  8  

เท่านั้นยังไม่พอ  คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด ที่มีนายวันชัย  วราวิทย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้มีมติให้ทั้ง 3 คนชดใช้ความเสียหายให้กับอคส.จากการกระทำการทุจริต โดยแต่ละคนต้องใช้ความเสียหายลดหลั่นกันไป ซึ่งเบื้องต้นมีความเสียหายจาก การทุจริตครั้งนี้ 2,003.77 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเงินที่อคส.ได้โอนเป็นค่ามัดจำถุงมือยางให้กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ คู่สัญญาที่อคส.ว่าจ้างผลิตให้ โดยยังไม่รวมดอกเบี้ย และค่าเสียโอกาสทางธุรกิจของอคส.

อ่านข่าว : ตั้งวันเดียวกัน 7 บริษัท! เช็กธุรกิจ “SkyMed” ตร.ออกหมายจับคดี “ถุงมือยาง”

สำหรับบุคคลที่ต้องชดใช้ความเสียหายให้กับ อคส.รวม 7 คน  คือ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ นายเกียรติขจร และนายมูรธาธร ซึ่งต้องชดใช้ความเสียหายรวมกันไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารสูงสุดในอคส.อีก 1 คน ที่ต้องชดใช้อีกกว่า 400 ล้านบาท ขณะที่นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.)  มั่นใจว่า  จะเอาเงินมัดจำจำนวน 2,000 ล้านบาทที่เสียไปกลับมาได้แน่นอน  

เท่านั้นยังไม่พอ นายเกรียงศักดิ์ ยังดำเนินการสอบในเชิงลึกอีก โดยเบื้องต้นพบว่า มีเจ้าหน้าที่ อคส.ที่ร่วมทุจริตถุงมือยางอีกไม่ต่ำกว่า 10 คน โดยแต่ละคนมีพฤติกรรมแตกต่างกัน หากมีความผิดก็จะลงโทษลดหลั่นกันไปตามความความผิด  ขณะที่คดีอาญามีรายงานว่า ป.ป.ช.เตรียมชี้มูลความผิดการทุจริตถุงมือยาง เร็วๆนี้ ทั้งเจ้าหน้าที่อคส.และภาคเอกชน

ในส่วนของพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ นั้นยังต้องเจอวิบากกรรมซ้ำสองอีกเมื่อ นายเกรียงศักดิ์ ยังไล่บี้ความไม่ชอบมาพากลในช่วงที่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ อยู่ในตำแหน่ง โดยได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสอบพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พร้อมพวกรวม 4 ราย กระทำการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนเช่าคลังสินค้าอคส.ในการฝากเก็บข้าวสารจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 54/55 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 55 ในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำอคส.เสียหายกว่า 1.3 พันล้านบาท  

ปฏิบัติการไล่บี้กลุ่มคนที่ทุจริตและหากินกับอคส.ใกล้บทสรุปเข้ามาทุกที ทั้งการฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของอคส.และต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ ประกาศไว้ว่า

“ผมได้ย้ำกับอคส.ไปหลายครั้งแล้วว่า ต้องเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุดตามกฎหมาย และอำนาจหน้าที่ที่อคส.มี ซึ่งนอกจากจะเอาผิดทางคดีอาญาแล้ว ยังต้องเอาผิดทางแพ่ง เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ให้กับอคส.ด้วย”

ที่ผ่านมาอคส.แหล่งขุมทรัพย์มหาศาลที่กลุ่มบุคคลมักเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ใช้อิทธิพลอำนาจเหนืออคส. ตักตวงผลประโยชน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่มีใครเอาผิดได้สุดท้ายก็ลอยนวล ซึ่งคดีทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางหากนำผู้กระทำผิดมารับผิดได้ พร้อมทวงคืนเงินหลวงกลับมาได้ทุกบาททุกสตางค์ จะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของผอ.อคส.ที่ขจัดเหลือบไรที่แทะกินองค์กรอคส.ได้ และจะส่งผลต่อภาพลักษณ์อคส. กลับมาเป็นองค์กรที่มีความโปร่งใสอีกครั้ง