ดาวโจนส์ร่วง 158 จุดแม้นลท.เริ่มคลายกังวลเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น

ดาวโจนส์ร่วง 158 จุดแม้นลท.เริ่มคลายกังวลเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี (11พ.ย.)ร่วงลง 158 จุดแต่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็กปรับตัวขึ้น เพราะนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้นของสหรัฐ

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 158.71 จุด หรือ 0.44%  ปิดที่ 35,921.23 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  เพิ่มขึ้น 2.56 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 4,649.27 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 81.58 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 15,704.28 จุด

วันนี้เป็นวันทหารผ่านศึกของสหรัฐ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ โดยตลาดพันธบัตรสหรัฐปิดทำการ แต่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังคงเปิดทำการซื้อขายตามปกติ

หุ้นของบริษัทวอลท์ ดิสนีย์ดิ่งลงกว่า 8% ในการซื้อขายวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2564

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 200 จุดวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี อาจเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในกลางปีหน้า หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในเดือนต.ค.

FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ค.2565 จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ย.2565

ทั้งนี้ นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้ม 80% ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.2565 และมีแนวโน้ม 100% ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.2565 ส่วนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนธ.ค.2565

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปี 2566

ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 3 พ.ย. เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมกับประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. ซึ่งการลดวงเงินคิวอีดังกล่าวจะทำให้เฟดยุติการทำคิวอีโดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565

ก่อนหน้านี้ เฟดได้ทำคิวอีเดือนละ 120,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์ และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (เอ็มบีเอส) วงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2533 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.9% จากระดับ 5.4% ในเดือนก.ย.

นอกจากนี้ ดัชนีซีพีไอเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6% จากระดับ 0.4% ในเดือนก.ย.

ขณะเดียวกัน ดัชนีซีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% จากระดับ 0.2% ในเดือนก.ย. และพุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2533 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.0%