SC คงเป้ารายได้ปีนี้ 2 หมื่นล้าน ครึ่งปีหลังยอดขายบ้านหรูสดใส

SC คงเป้ารายได้ปีนี้ 2 หมื่นล้าน ครึ่งปีหลังยอดขายบ้านหรูสดใส

"เอสซี แอสเสท" คงเป้ารายได้ปีนี้ 2 หมื่นล้าน ชี้รายได้ครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งแรก พร้อมตุนยอดขายรอโอนแล้ว กว่า 8.55 พันล้าน คาดรับรู้ครึ่งปีหลัง 5.38 พันล้าน และเปิดใหม่ 8 โครงการ รวมมูลค่า 1.14 หมื่นล้าน

นางปรารถนา แพทย์สมาน  หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC  เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้ายอดขายปีนี้ที่ 20,000ล้านบาท และรายได้ยอดขายในครึ่งปีหลังนี้จะดีกว่าครึ่งปีแรก มาจากการขายบ้านแนวราบยังไปได้ดีต่อเนื่องตลอด ในกลุ่มบ้านราคาระดับ 10  ล้านบาทขึ้นไป ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล  เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง มีความสามารถในการกู้ที่ดีและกลุ่มลูกค้าที่จ่ายเงินสด มีสัดส่วนถึง 30%

ทั้งปีนี้  และมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 8,557 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังนี้ราว 5,387 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2565 พร้อมกันนี้ ในครึ่งปีหลังมีแผนเปิดโครงการใหม่ 8 โครงการ รวมมูลค่า 1.14 หมื่นล้านบาท เป็นแนวราบ 7 โครงการ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ โดยเปิดในไตรมาส 3 แล้ว 4 โครงการ รวมมูลค่า 5,640 ล้านบาท อีก 4 โครงการเปิดในไตรมาส 4 มูลค่ารวม 5,760 ล้านบาท

 

 

"ในครึ่งปีหลัง ที่จะเปิด 8 โครงการ เป็นแนวราบ 7 โครงการ มีพร้อมโอนในปีนี้ด้วย มีบ้านเสร็จพร้อมโอนปีนี้เกินกว่าเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ 1.9 หมื่นล้านบาทแล้ว ในครึ่งปีแรกมีรายได้ 8,285 ล้านบาท ที่เหลืออีก 1.02 หมื่นล้านบาท ยังมั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้เติบโตได้ตามเป้า"  

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 95% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและการลงทุน 5% และเริ่มลงทุนโรงแรม โดยวางเป้าปี 2566 บริษัทจะมีรายได้รวมมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท และเพิ่มการลงทุนในธุรกิจสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) มากขึ้น หวังสัดส่วนกำไรจะมาจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำมากกว่า 1 ใน 3 พร้อมมีเป้าหมายเป็นแบรนด์อันดับหนึ่ง 

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงงบซื้อที่ดินปีนี้ที่ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาแนวราบเปิดขายในปี 65-66 โดยซื้อไปแล้ว 50% ที่เหลือคาดว่าจะใช้หมดในปีนี้ 

นอกจากนี้สำหรับโครงการร่วมลงทุน ยังเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมเป็นหลัก ซึ่งในปีนี้มี 1 โครงการร่วมทุน ซึ่งในปี2565 ยังมองหาโอกาสร่วมลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นปีหน้าวางแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 3 โครงการ อาจพิจารณาเปิดการเจรจาในรูปแบบดังกล่าวได้ แต่ยังต้องรอประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดและการเปิดประเทศเป็นหลัก  

"ตลาดคอนโดมิเนียมในปีหน้ายังขึ้นอยู่กับสถานการณ์หลักเปิดประเทศแล้ว จะมีต่างชาติกลับเข้ามาแค่ไหน หากต่างชาติเดินทางมาเพิ่มขึ้น ดีมานด์ความต้องการคอนโดมีเนียมมีโอกาสเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แม้ปัจจุบันยังไม่กลับมาเหมือนเดิมแต่ก็เริ่มค่อยๆกลับมา โดยการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปีหน้าจะมีมากกว่าปีนี้"