เอกชนชี้คลายล็อกปลุกเศรษฐกิจไฮซีซั่น "ร้านอาหาร-โรงหนัง" ตีปีก

เอกชนชี้คลายล็อกปลุกเศรษฐกิจไฮซีซั่น "ร้านอาหาร-โรงหนัง" ตีปีก

ศบค. ลดเวลาเคอร์ฟิว 4 ทุ่ม ถึง ตี 4 ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 2 เดือน พร้อมลดวันกักตัวนักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนครบ มีใบรับรอง กักตัว 7 วัน เตรียมเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่องระยะต่อไป 1 พ.ย. 10 จังหวัด "เอกชน" ตีปีกหนุนธุรกิจไฮซีซัน “ร้านอาหาร” หวังฟื้น 10-20% โรงหนังพร้อมลุย

ใกล้กำหนดเปิดประเทศตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่มียอดผู้ติดเชื้อใหม่อยู่ที่ 10,288 ราย เสียชีวิต 101 ราย ที่ประชุม ศบค.ได้มีมติผ่อนคลายมาตรการ ลดวันกักตัวสำหรับต่างชาติ ให้ 9 กิจกรรม-กิจการเปิดดำเนินการตั้งแต่ 1 ต.ค.โดย ลดเคอร์ฟิว 4 ทุ่ม ถึงตี 4 และต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน ก่อนเสนอ ครม.วันนี้ (28 ก.ย.)

วันที่ 27 ก.ย. 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.กล่าวภายหลังการ ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุม ศบค. พิจารณาขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทุกเขตพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรในคราวที่ 14 ตั้งแต่ 1 ต.ค. -30 พ.ย. 2564

การปรับมาตรการสำหรับกิจการ/กิจกรรมพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในวันที่ 1 ต.ค. 2564 ได้แก่ ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด หรือตลาดนัด (เฉพาะจำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภค) ปรับให้สามารถดำเนินการได้ถึง 21.00 น.

ประเภทกีฬากลางแจ้ง หรือในร่มที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศหรือประเภทกีฬาในร่ม ที่มีเครื่องปรับอากาศ มาตรการเดิมประเภทกีฬากลางแจ้ง หรือในร่วม ที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศ เปิดดำเนินการได้ทุกประเภทกีฬา ไม่เกิน 21.00 น. โดยจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมตามขนาดสถานที่ และประเภทกีฬา

กรณี ประเภทกีฬาในร่ม จัดการแข่งขันได้โดยไม่มีผู้ชม ส่วนกรณี ประเภทกีฬากลางแจ้ง จัดการแข่งขันได้โดยให้มีผู้ชม ไม่เกิน 25% ของความจุสนาม ผู้ชมได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือ มี ATK/RT-PCR ผลเป็นลบ ภายใน 72 ชั่วโมง กรณีมีการแข่งขันให้ผ่านความเห็นชอบจาก คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. (กระทรวงการท่องเที่ยวฯ(กกท.)ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (กรมอนามัย กรมควบคุมโรค) จัดทำแนวปฏิบัติฯ)

ทั้งนี้ สถานะของแต่ละจังหวัดยังคงเดิม ได้แก่ สีแดงเข้ม พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด สีแดง 37 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด และสีส้ม 11 จังหวัด พื้นที่ควบคุม

เอกชนชี้คลายล็อกปลุกเศรษฐกิจไฮซีซั่น \"ร้านอาหาร-โรงหนัง\" ตีปีก

ไฟเขียวเปิด 9 กิจการกิจกรรม

มติที่ประชุมคลายล็อกกิจการที่สำคัญ เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. 64 ประกอบด้วย 1.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน 2.ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดชุมชน ห้องสมุดเอกชนและบ้านหนังสือ 3.พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์สถานพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงพิพิธภัณฑ์ในลักษณะเดียวกันแหล่งประวัติศาสตร์ หรือโบราณสถาน 4.ศูนย์การเรียนรู้ หรือศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมหรือหอศิลป์

5.ร้านทำเล็บ 6.ร้านสัก 7.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (นวด สปา) 8.ธุรกิจโรงภาพยนตร์หรือฉายภาพยนตร์ 9.การเล่นดนตรีในร้านอาหาร

ขณะเดียวกัน มีการหารือการแสดงมหรสพ ซึ่งนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ รมว.วัฒนธรรม ได้ไปทำรายละเอียดมาเพื่อพิจารณาต่อไป

ลดวันกักตัวฉีดวัคซีนครบ-มีใบรับรอง

ทั้งนี้ ศบค.เห็นชอบการปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยการปรับลดระยะเวลาการกักตัวสำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศที่ได้รับการกักกันในสถานที่กักกันทุกรูปแบบ ทุกประเภทรวมทั้งผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวหรืออื่นๆ ตามนโยบายของรัฐโดยเริ่มวันที่ 1 ต.ค.2564 ประกอบด้วย 2 กลุ่ม คือ

1.มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน (Vaccine Certificate) ครบตามเกณฑ์อย่างน้อย 14 วันสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยทุกช่องทาง กรณีเดินทางทางน้ำต้องมีการรับรองการฉีดวัคซีนทุกคน โดยลดเวลากักตัวหรือเข้าพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างน้อย 7 วันและจะต้องมีการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้งโดยครั้งแรกวันแรกที่มาถึง (0-1)และครั้งที่สอง (6-7)

2.ไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์แบ่งเป็นเดินทางมาทางอากาศ ให้กักตัวอย่างน้อย 10 วันเดินทางทางน้ำ (กรณีมีคนใดคนหนึ่งบนเรือไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน) จะต้องมีการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้งโดยครั้งแรกวันแรกที่มาถึง (0-1)และครั้งที่สอง (8-9 ) และเดินทางทางบก เนื่องจากไม่มีการตรวจหาเชื้อมาก่อนและมีอัตราการติดเชื้อมากกว่าทางอากาศ ให้กักตัวคงเดิม 14 วัน จะต้องมีการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้งโดยครั้งแรกวันแรกที่มาถึง (0-1)และครั้งที่สอง (12-13)

1 พ.ย.เปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวสีฟ้า

สำหรับหลักเกณฑ์พิจารณาการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว และ แผนงานและแนวทางการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวโดยระบุว่ามีหลายจังหวัดสามารถดำเนินกิจการ-กิจกรรมได้มากขึ้นกว่าระดับสีพื้นที่โดยเจาะจงเฉพาะบางอำเภอ จึงขอให้กำหนดเป็น“พื้นที่สีฟ้า”ซึ่งเป็นพื้นที่สามารถดำเนินกิจการ-กิจกรรมได้เหมือนพื้นที่ “สีเขียว” ไม่จำกัดการเดินทาง เปิดกิจการ-กิจกรรม ได้ตามมาตรการที่ทางราชการกำหนด โดยให้อยู่ในการควบคุมของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยจังหวัดที่มีการกำหนดเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวแต่ละระยะ มีดังต่อไปนี้

ระยะนำร่อง วันที่ 1 - 31 ต.ค. 64 พื้นที่ 4 จังหวัด ที่ผ่านมา มีการทำพื้นที่นำร่อง1 - 31 ต.ค. 64 ได้แก่จ.ภูเก็ต จ.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) จ.พังงา (เขาหลัก เกาะยาว) จ.กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ คลองม่วง ทับแขก)

ระยะที่ 1 วันที่ 1 - 30 พ.ย. 64 พื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จ.กระบี่ จ.พังงา (ทั้งจังหวัด) จ.ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน หนองแก) จ.เพชรบุรี (ชะอำ) จ.ชลบุรี (พัทยา บางละมุง จอมเทียน บางเสร่) จ.ระนอง (เกาะพยาม) จ.เชียงใหม่ (อ.เมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า) จ.เลย (เชียงคาน) และ จ.บุรีรัมย์ (เมือง)

ระยะที่ 2 วันที่ 1 - 31 ธ.ค. 64 พื้นที่ 20 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน แพร่ หนองคาย สุโขทัย เพชรบูรณ์ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ ตราด ระยอง ขอนแก่น นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา และนราธิวาส หลัก

ระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 เป็นต้นไป จำนวน 13 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี ตาก นครพนม มุกดาหาร บึงกาฬ อุดรธานี อุบลราชธานี น่าน กาญจนบุรี ราชบุรี และสตูล

เตรียมขยายผล-ชี้เป็นโรคประจำถิ่น

น.พ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า ขอความร่วมมือของพี่น้องประชาชนแต่ละจังหวัด ขอให้พยายามช่วยกัน เป็นการวางแผนถึงต้นปีหน้า หากไม่มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น แผนนี้จะถูกนำไปปฏิบัติและขยายผลต่อ กลับมาสู่ชีวิตวิถีใหม่โรคที่เคยบอกว่าเป็นโรคระบาด จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งเราจะต้องอยู่กับมันให้ได้โดยเฉพาะ วัคซีนที่จะมาในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าก็จะเพิ่มขึ้น สร้างความเข้มแข็งด้านร่างกายและเศรษฐกิจ

ผุด ศรช.แทน ศบค. นายกฯหามือขวา

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ศบค. ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 2 เดือนเนื่องจากการจัดทำโครงสร้างหน่วยงานแก้ไขโควิดตามการแก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อแห่งชาติ ยังไม่แล้วเสร็จ เบื้องต้นจะตั้งเป็นศูนย์อำนวยการโรคติดต่อแห่งชาติ หรือ (ศรช. ) รวมถึงการพิจารณาหาผู้มาทำหน้าที่บูรณาการงานแทน ศบค. และ ศปก.ศบค. ที่บริหารงานอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ผอ.ศบค. กำลังพิจารณาว่าจะให้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข หรือหัวหน้าส่วนราชการมาทำหน้าที่ในส่วนเลขานุการฯ เพราะสถานการณ์โควิด-19 คงไม่จบในเร็วๆ นี้ และยังมีโครงสร้างของศูนย์บูรณาการแก้ไขปัญหาโควิด กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ต้องอุดช่องว่างเหล่านี้ เมื่อโครงสร้างใหม่และทำกฎหมายเสร็จ รัฐบาลก็จะประกาศเป็น พระราชกำหนด และประกาศใช้ในทันทีเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง และเมื่อเปิดสภาฯ ก็ค่อยนำให้สภาฯเห็นชอบต่อไป

ททท.ปรับแผนตลาด 7+7 เหลือ 4+3

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ตามที่ ศบค.เห็นชอบให้ลดการกักตัวสำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ จากเดิม 14 วัน เหลือ 7 วัน และปรับแผนให้พื้นที่นำร่องเดิมที่เข้าร่วมโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ 7+7 Extension ซึ่งเดิมต้องรับนักท่องเที่ยวที่อยู่ครบ 7 วันในภูเก็ตก่อน โดยตั้งแต่วันที่ 1-31 ต.ค.เป็นต้นไป จะปรับรูปแบบเป็น 4+3 วันก่อนในช่วงแรก หลังจากนั้นถ้าพื้นที่ใดพร้อม และพื้นที่ทำเรื่องยืนยันมา ให้สามารถรับนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศตรงเข้าพื้นที่ได้เลย

ส่วนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ วันที่ 1-30 พ.ย. ถ้าพื้นที่ใดพร้อมก็เปิดได้เลย ประกอบด้วย 10 จังหวัดดังกล่าว

‘กระบี่’ ตีปีกพร้อมรับทัวริสต์

นางสาวชรินทิพย์ ตียาภรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า พื้นที่นำร่องของกระบี่มีความพร้อมทั้งหมด เชื่อว่านักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพราะเดินทางง่ายจากมาตรการที่น้อยลง ที่สำคัญเป็นฤดูท่องเที่ยวทางทะเลของ จ.กระบี่ วันที่ 15 ต.ค. อุทยานฯ จะเปิดเกาะต่าง ๆ และเปิดจุดดำน้ำทั้งหมด อีกทั้งเดิมที่มีโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ 7+7 Extension กำหนดให้นักท่องเที่ยวจากภูเก็ตต้องเดินทางทางเรือเท่านั้น ประกอบกับมีฝนตกค่อนข้างมาก ทำให้นักท่องเที่ยวมาน้อยกว่าที่คาดเอาไว้”

ส่วนการเปิด จ.กระบี่ ทั้งจังหวัด วันที่ 1-30 พ.ย. ได้มีการซ้อมรับนักท่องเที่ยวผ่านสนามบินกระบี่ไป 1 รอบเมื่อเดือน ก.ค. จากนั้นมีการซักซ้อมแผนกับทางท่าอากาศยานอีกรอบ โดยวันที่ 31 ต.ค.นี้จะมีเที่ยวบินแรกจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และ 1 พ.ย.นี้จะมีเที่ยวบินจากสแกนดิเนเวีย ขณะเดียวกันจะฝึกทบทวนระบบ SHA+manager ที่ใช้ดูแลและควบคุมนักท่องเที่ยว ส่วนตำรวจและสาธารณสุขพื้นที่ก็พร้อมแล้ว ตอนนี้รอแค่วัคซีนที่คาดว่าจะมีต้นเดือน ต.ค.นี้

ขยายเคอร์ฟิวธุรกิจอาหารฟื้น10-20%

นางสาวบุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหาร ฟู้ดแพชชั่น เจ้าของแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่า กล่าวว่า การขยายเวลาเคอร์ฟิว 22.00-04.00 น. ทำให้ธุรกิจร้านอาหารมีโอกาสฟื้นตัว 10-20% โดยเฉพาะร้านอาหารที่ให้บริการกลางคืน หรือไนท์คาเฟ่ ซึ่งผู้บริโภคอาจปรับตัวโดยนัดพบปะกันเร็วขึ้น เช่น 17.00-18.00 น. เพื่อใช้บริการได้ก่อนเคอร์ฟิว

"ธุรกิจร้านอาหารช่วงเย็นถือเป็นนาทีทอง ทำยอดขายสัดส่วน 30-40% ของทั้งวัน ถือเป็นอัตรามากสุด การล็อกดาวน์หลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบซึ่งเดิมคาดการณ์ทั้งปีจะเห็นตลาดติดลบ 15-30% ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์”

อสังหาฯ ชี้ กระตุ้นบรรยากาศไฮซีซัน

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้มาตรการดังกล่าวจะไม่มีผลกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรงแต่ได้อานิสงส์ทางอ้อมจากอารมณ์ความรู้สึกของคนเชื่อมั่นที่กลับมาจับจ่าย เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อเนื่องในช่วงไฮซีซันนี้ การผ่อนคลายมาตรการ กิจการ และกิจกรรมต่าง ๆ ส่งผลดีในเชิงจิตวิทยาทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มระดับกลาง ระดับบนที่มีกำลังซื้อออกมาจับจ่ายใช้สอย

“ตลาดระดับล่างอาจไม่ได้มีผลอะไรมากนัก เพราะกำลังซื้อลดลง ต้องรอจนกว่าสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น ถึงจะทำให้กำลังซื้อคนกลุ่มนี้กลับมาอีกครั้ง” นายปิยะกล่าว

โรงหนังพร้อมย้ำความเชื่อมั่น

นายนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทพร้อมเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ในทันทีที่ ศบค.ประกาศผ่อนคลายให้กิจการโรงภาพยนตร์กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้วาง 5 แผนแม่บท “สะอาด มั่นใจ ปลอดภัยทุกจุด” ตามมาตรฐานสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ลูกค้าได้มั่นใจในการเข้าใช้บริการ

พร้อมกันนี้ ตั้งแต่เดือน ต.ค. โรงภาพยนตร์ทุกสาขาในกรุงเทพและปริมณฑล 50 สาขา จะงดรับเงินสด มุ่งสู่การเป็นโรงภาพยนตร์ไร้เงินสดเต็มรูปแบบ

นางสาวพิมสิริ ทองร่มโพธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มาตรการผ่อนคลายให้โรงหนังกลับมาเปิดบริการได้ เครือ เอส เอฟ เตรียมพร้อมมาตรการด้านสาธารณสุขที่ทำต่อเนื่อง และยกระดับตามมาตรการ “ดูแลด้วยใจ” ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น จากพนักงานที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว มีการตรวจคัดกรองด้วยชุดเอทีเคก่อนเริ่มทำงาน

“การระบาดของโควิดโรงหนังเป็นธุรกิจกลุ่มแรก ๆ ที่ต้องหยุดให้บริการ การกลับมาให้บริการอีกครั้งบริษัทเตรียมหนังฟอร์มยักษ์เข้าฉายทุกสัปดาห์” นางสาวพิมสิริ กล่าว