ดาวโจนส์ทรุด 614 จุดดิ่งหนักสุดรอบเกือบ 1 ปี

ดาวโจนส์ทรุด 614 จุดดิ่งหนักสุดรอบเกือบ 1 ปี

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์(20ก.ย.)ดิ่งลง 614 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.2563 ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชนา เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้นเหนือระดับ 26 ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 614.41 จุด หรือ 1.78% ปิดที่ 33,970.47 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 75.26 จุด หรือ 1.70% ปิดที่ 4,357.73 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 330.07 จุด หรือ 2.19% ปิดที่ 14,713.90 จุด
 

หลักทรัพย์ทั้งหมด 30 หลักทรัพย์ในดัชนีดาวโจนส์ต่างดิ่งลงในการซื้อขายวันนี้ โดยหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงนำตลาด ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงเช่นกัน ตามการทรุดตัวของราคาน้ำมัน

นักวิเคราะห์เตือนว่า หลังจากปรับตัวขึ้น 7 เดือนติดต่อกัน ขณะนี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทกำลังมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการปรับฐานจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์, การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในการประชุมเดือนนี้, การที่สภาคองเกรสอาจให้การอนุมัติการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล, ความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
 

นายแลร์รี เบรนนาร์ด นักวิเคราะห์จากบริษัททีเอส ลอมบาร์ด ระบุว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะทำให้วิกฤตการณ์ทางการเงินลุกลามออกไปจนอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

เอเวอร์แกรนด์ แถลงการณ์ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

ขณะที่บริษัทมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในเดือนนี้ โดยมีกำหนดชำระดอกเบี้ยวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์  ในวันที่ 23 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่มีกำหนดครบอายุเดือนมี.ค.2565 และมีกำหนดชำระดอกเบี้ยวงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์  ในวันที่ 29 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่ครบอายุเดือนมี.ค.2567

หากเอเวอร์แกรนด์ ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยเมื่อถึงวันกำหนดชำระดังกล่าว ทางบริษัทจะมีเวลาอีก 30 วันในการชำระดอกเบี้ย มิฉะนั้นจะถือว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้

ซึ่งหากเอเวอร์แกรนด์ตกอยู่ในสภาพผิดนัดชำระหนี้ บริษัทต้องปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งคาดว่านักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นกู้ของเอเวอร์แกรนด์จะได้รับส่วนแบ่งการชำระคืนในสัดส่วนต่ำ

ข้อมูลที่มีการยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ระบุว่า เอเวอร์แกรนด์มีตราสารเชิงพาณิชย์มูลค่ารวม 2.057 แสนล้านหยวน (3.2 หมื่นล้านดอลลาร์) นับจนถึงสิ้นปี 2563

มีการประเมินว่า ขณะนี้เอเวอร์แกรนด์มีหนี้สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ เทียบเท่ากับ 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีน หลังจากที่บริษัทได้ทำการกู้เงินมาเป็นเวลาหลายปีเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน

นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย. ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดอาจส่งสัญญาณการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมครั้งนี้