ถอดรหัสมาตรการกระตุ้นศก.ช่วยชีวิตก่อนเปิดเมือง

ถอดรหัสมาตรการกระตุ้นศก.ช่วยชีวิตก่อนเปิดเมือง

ถอดรหัสมาตรการกระตุ้นศก.หลายประเทศช่วงโควิด-19ยังระบาดเพื่อให้ประชาชน ผู้ประกอบการ และธุรกิจยังเดินหน้าต่อไปได้

การล็อกดาวน์เพื่อสกัดโควิด-19 ระบาด เป็นเครื่องมืออันเจ็บปวดที่ทุกประเทศต้องทำก่อนฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้วกลับมาเปิดทำกิจกรรมให้ใกล้เคียงชีวิตปกติอีกครั้ง ระหว่างนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการช่วยเหลือเพื่อให้ประชาชน ผู้ประกอบการ และธุรกิจยังเดินหน้าต่อไปได้

สหรัฐอเมริกา 

ช่วงปลายเดือน ม.ค.2564 หลังสาบานตนรับตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องการใช้ “แผนช่วยเหลือชาวอเมริกัน” วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ควบคุมการแพร่ระบาดและวิกฤติเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมๆ กับเพิ่มการฉีดวัคซีนและตรวจหาเชื้อ 

อ่านข่าว : "เปิดเมือง"ไม่ใช่ปลอดโควิด-19 สิ่งต้องรู้-ต้องทำ หากไม่อยากซ้ำรอย!!  

แผนช่วยเหลือชาวอเมริกันของประธานาธิบดีไบเดน เน้นใช้งบประมาณให้ความช่วยเหลือด้านสังคม ให้ครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอดเพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป ประกอบด้วย

1) การต่อสู้โควิดจัดงบประมาณราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ใช้สำหรับโครงการกระจายวัคซีนทั่วประเทศ เพื่อฉีดฟรีให้กับผู้อยู่อาศัยในสหรัฐทุกคนทั้งพลเมืองและผู้อพยพ สร้างศูนย์ฉีดวัคซีนชุมชนเคลื่อนที่เพื่อนำวัคซีนไปยังพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงยาก

 ระดมทุนให้ได้ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ปรับปรุงการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศ เช่น จัดซื้อชุดตรวจ Rapid Test เพิ่มขีดความสามารถห้องแล็บ ช่วยทางการท้องถิ่นดำเนินการตรวจโควิด
 

2) แจกเช็คเงินสดเพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชน ชาวอเมริกันจะได้รับเงินจ่ายตรงจากรัฐบาล 2,000 ดอลลาร์ 

3) ช่วยค่าเช่าบ้านและคูปองอาหารต่อเวลาการพักชำระหนี้บ้านที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ม.ค.ไปถึงวันที่ 30 ก.ย.เสนอช่วยค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ แก่ครัวเรือนรายได้น้อย 3 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงงบฯ 5 พันล้านดอลลาร์ให้ชุมชนท้องถิ่นและมลรัฐให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ครอบครัวคนไร้บ้าน

เพิ่มผลประโยชน์จากคูปองอาหารอีก 15% ไปจนถึงเดือน ก.ย. จากกำหนดสิ้นสุดเดือน มิ.ย. อีก 3 พันล้านดอลลาร์ไว้สำหรับช่วยเหลือผู้หญิง ทารกและเด็กให้มีอาหารรับประทาน มอบความช่วยเหลือด้านโภชนาการให้ดินแดนซึี่งเป็นเขตปกครองของสหรัฐ 1 พันล้านดอลลาร์

มีแผนให้รัฐบาลมลรัฐเป็นพันธมิตรกับร้านอาหารจัดอาหารให้กับประชาชนที่ต้องการและว่าจ้างพนักงานร้านอาหารที่ตกงาน

4) สิทธิประโยชน์ว่างงานและค่าจ้างขั้นต่ำขยายเวลาและเพิ่มจำนวนผลประโยชน์ว่างงานตลอดช่วงโควิด-19 ระบาด เพิ่มผลประโยชน์รายสัปดาห์ที่ได้จากรัฐบาลกลางจาก300 ดอลลาร์เป็น 400 ดอลลาร์ ขยายไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. เทียบ 

สิทธิประโยชน์ว่างงานครอบคลุมไปถึงผู้ทำอาชีพอิสระและฟรีแลนซ์ และคนที่ผลประโยชน์ประจำหมดอายุแล้ว

 5) ลาป่วยได้ค่าจ้างกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างที่ลาป่วยให้ช่วงโควิด ขยายสิทธิประโยชน์นี้ไปให้คนงานราว 106 ล้านคน ผู้ปกครองและคนในครอบครัวที่ต้องดูแลญาติป่วยหรือเด็กไม่ได้ไปโรงเรียน ได้รับค่าจ้างลาป่วยและลาดูแลครอบครัวมากกว่า 14 สัปดาห์

ส่วนนายจ้างจะได้รับเงินคืนมากถึง 1,400 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์จากการจ่ายค่าจ้างวันหยุดให้พนักงาน  ขยายสิทธิประโยชน์ไปถึงคนงานในธุรกิจที่มีลูกจ้างมากกว่า 500 คน และไม่ถึง 50 คน รวมถึงลูกจ้างรัฐบาลกลางที่ไม่มีสิทธิในแผนการเดิม

6) การดูแลเด็กขยายเครดิตภาษีให้ครอบครัวรายได้น้อย-ปานกลาง และต้องการคืนเงินภาษีในปี 2564 เครดิตภาษีดูแลเด็กจะขยายจาก 2,000 ดอลลาร์เป็น 3,000 ดอลลาร์สำหรับเด็กอายุ 17 ปีลงมาทุกคน ส่วนเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ขวบมีสิทธิได้รับเงิน 3,600 ดอลลาร์

ตั้งกองทุนฉุกเฉิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มเงิน 1.5 หมื่่นล้านดอลลาร์ช่วยค่าเช่าบ้าน ค่าสาธารณูปโภคเงินเดือน และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงโควิด เช่น อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนตัวให้กับผู้ดูแลเด็ก

7) การศึกษา จัดงบประมาณ1.7 แสนล้านดอลลาร์ให้โรงเรียนเปิดเรียนได้ 1.3 แสนล้านดอลลาร์ ให้โรงเรียนมัธยมปลายจ้างครูเพิ่มเพื่อลดความแออัดในห้องเรียน ปรับพื้นที่ ซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอนและดูแลสุขภาพจิตนักเรียน

วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐเพิ่ม 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์

8) ช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและมลรัฐใช้ประโยชน์จากเงินกองทุนรัฐบาล 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 1.75 แสนล้านดอลลาร์ช่วยธุรกิจขนาดเล็ก ให้งบประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ทำโครงการกู้ยืมใหม่ให้เจ้าของกิจการขนาดเล็ก แยกจากโครงการที่มีอยู่เดิม

สหราชอาณาจักร 

เว็บไซต์ businessinsider รายงานเมื่อต้นปี 2564 ช่วงที่สหราชอาณาจักร (ยูเค) ต้องล็อกดาวน์ครั้งใหม่ (เพิ่งปลดล็อกไปเมื่อเดือน ก.ค.) รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินเกือบ 5 พันล้านปอนด์ ช่วยภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา  ประกอบด้วย เงินช่วยเหลือจ่ายก้อนเดียวให้กับภาคค้าปลีก ท่องเที่ยว และสันทนาการ 4.6 พันล้านปอนด์พยุงให้ธุรกิจเหล่านี้อยู่ได้ในช่วงที่ต้องล็อกดาวน์เต็มรูปแบบนานหลายสัปดาห์

ริชี ซูนัค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายคงตำแหน่งงานไว้ เพื่อเป็นหลักประกันว่าแรงงานยังคงมีงานให้ทำเมื่ออังกฤษกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีกองทุนช่วยเหลือธุรกิจอื่นที่ได้รับผลกระทบเช่นกันอีก 594 ล้านปอนด์

หากพิจารณางบประมาณประจำปี 2564 ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแถลงต่อสภาเมื่อวันที่ 3 มี.ค. หมวดหมู่ที่น่าสนใจคือการปกป้องการงานและอาชีพ เช่น 

-ขยายโครงการสนับสนุนการจ้างงานไปจนถึงเดือน ก.ย.2564 ทั่วประเทศ

-ขยายโครงการสนับสนุนรายได้ผู้ประกอบอาชีพอิสระทั่วประเทศไปจนถึงเดือน ก.ย.2564

-ขยายเวลาลดภาษีที่ดินในอังกฤษและไอร์แลนด์เหนือไปจนถึงเดือน ก.ย.เพื่อสนับสนุนตลาดที่อยู่อาศัย คุ้มครองและสร้างงาน

-โครงการรับประกันการจำนองใหม่จะช่วยให้ผู้ซื้อบ้านในยูเคทุกคนสามารถจำนองได้ถึง 600,000 ปอนด์ด้วยเงินมัดจำ5%

-โครงการ Restart Grants ชุดใหม่วงเงิน 5 พันล้านปอนด์ ให้เงินช่วยเหลือก้อนเดียวมากถึง 18,000 ปอนด์สำหรับธุรกิจบริการ ที่พัก สันทนาการ ดูแลสุขภาพส่วนบุคคล และยิมในอังกฤษ

-โครงการเงินกู้เพื่อการฟื้นตัวก้อนใหม่ทั่วยูเค เตรียมสินเชื่อ 25,001 ปอนด์-10 ล้านปอนด์ การใช้สินทรัพย์และอินวอยซ์มายื่นขอสินเชื่อธุรกิจระหว่าง 1,000-10 ล้านปอนด์ เพื่อช่วยธุรกิจทุกขนาดให้ฟื้นตัวได้

-ขยายโครงการฟื้นการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ในยูเค ให้งบประมาณเพิ่มเติม 300 ล้านปอนด์สนับสนุนโรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ และองค์กรวัฒนธรรมอื่นๆ ในอังกฤษผ่านกองทุนฟื้นฟูวัฒนธรรม

-ขยายเวลาลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 5% ในภาคบริการ ที่อยู่อาศัย และแหล่งท่องเที่ยวทั่วยูเคไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. หลังจากนั้นจะใช้อัตราภาษีที่ 12.5% ไปอีก 6 เดือนจนถึงวันที่ 31 มี.ค.2565

มาเลเซีย

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซิน (นายกฯ ขณะนั้น) เผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่มูลค่า 1.5 แสนล้านริงกติ (3.62 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อลดผลกระทบจากการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบต่อเนื่อง เป้าหมายเพื่อช่วยให้ประชาชนรับมือกับปัญหาทางการเงินที่เกิดจากโควิดได้สาระสำคัญ เช่น โครงการช่วยเหลือพิเศษ 4.6 พันล้านริงกิต สำหรับประชาชน 11 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัยคนโสด ในจำนวนนี้รวมถึงคนที่อยู่ในกลุ่มล่างสุด 40% และชนชั้นกลาง 40% จะได้รับเงิน 250-1,300 ริงกิต

-จัดสรรงบประมาณ 500 ล้านริงกิต สำหรับคนที่สูญเสียรายได้ช่วงโควิดราว 1 ล้านคน ได้เงินช่วยคนละ 500 ริงกิต

-ลดค่าไฟ 5-40% ให้ครัวเรือนเป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค. สูงสุดไม่เกิน 900 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อเดือน

-ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กได้รับเงินเพิ่มเติม บริษัทที่มีคุณสมบัติตรงจะได้รับเงิน 500 ริงกิตในเดือน ก.ย. และอีก 500 ริงกิตในเดือน พ.ย.

โครงการนี้จะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เช่น ร้านตัดผม เจ้าของอู่ ร้านเบเกอรี และศูนย์ดูแลสุขภาพได้ราว 1 ล้านราย

สัปดาห์ก่อน นายซาฟรุล อาซิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาเลเซียแถลงว่า คณะรัฐมนตรีเสนอให้เพิ่มเพดานหนี้รัฐบาลเป็น 65% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)และเสนอให้เพิ่มกองทุนโควิดของรัฐบาลเป็น 1.1 แสนล้านริงกิต (2.65 หมื่นล้านดอลลาร์) จาก 6.5 หมื่นล้านริงกิต (1.56 หมื่นล้านดอลลาร์)

ทั้งสองข้อเสนอจะนำไปให้สภาอนุมัติในเดือน ต.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบสาธารณสุขปรับปรุงมาตรการความช่วยเหลือด้านสังคม และสนับสนุนภาคธุรกิจ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่านี่เป็นครั้งที่ 2 ในรอบหลายปีนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2552 ที่รัฐบาลมาเลเซียพยายามเพิ่มเพดานหนี้ ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2563 เพิ่มเป็น 60% ของจีดีพี