เปิดกลยุทธ์รุกตลาดโลกของเดนทิสเต้ “ลิซ่า”โกลบอล แบรนด์แอมบาสเดอร์

เปิดกลยุทธ์รุกตลาดโลกของเดนทิสเต้  “ลิซ่า”โกลบอล แบรนด์แอมบาสเดอร์

ไม่ใช่แค่แบรนด์แฟชั่นเท่านั้นที่ “ลิซ่า Blackpink”ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ทางฝั่งผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก “เดนทิสเต้”สัญชาติไทยเลือกเธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของนวัตกรรมยาสีฟันสำหรับการแปรงแห้งที่เข้าสร้างเซกเมนต์ใหม่

20 ปีที่ผ่านมาเภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล  กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัดผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับพรีเมียม “เดนทิสเต้” ได้ปลุกปั้นผลิตภัณฑ์“เดนทิสเต้”ให้เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศว่า เริ่มจากยาสีฟันก่อนนอนสำหรับคู่รักจนประสบความสำเร็จ ด้วยส่วนแบ่ง 40% ในเซ็กเมนต์พรีเมี่ยม ที่มีสัดส่วน 20% จากตลาดรวมผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก หรือออรัลแคร์มูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 5% ต่อปี

จากนั้นมีการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาบ้วนปาก แปรงสีฟัน แปรงไฟฟ้า ไหมขัดฟัน เม็ดอมระงับกลิ่นปาก ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง แต่คนส่วนใหญ่ยังคงรู้จักแค่ยาสีฟันสำหรับแปรงก่อนนอน 

และจากข้อมูลของกรมอนามัยพบว่า คนไทยส่วนใหญ่ 98% มีปัญหาฟันผุ ทั้งๆ ที่แปรงฟันเพิ่มขึ้น จึงเป็นที่มาแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาฟันผุ ในรูปแบบของยาสีฟันชนิด “แปรงแห้ง” ไม่ต้องใช้น้ำในการแปรงฟันเพื่อให้ฟลูออไรด์เคลือบฟันดีขึ้น ภายใต้ชื่อเดนทิสเต้ แอนตี้คาวิตี้ แม็กซ์ ฟลูออไรด์

แต่ความท้าทายคือการสื่อสารกับผู้บริโภคในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีวิธีการใช้งาน แตกต่างไปจากเดิม ถือว่าเป็นเรื่องยาก แต่จากประสบการณ์ในฐานะนักการตลาดคิดนอกกรอบ มองว่า เป็นโอกาสในการสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาเพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่มเจนวาย เจนซี ที่ชอบลองของใหม่ได้เร็ว และเห็นว่าที่สำคัญการขายสินค้าในยุคนี้จำเป็นต้องมีคอนเทนต์ที่ดีและโดนใจ

  “จากประสบการณ์พบว่า ปัจจุบันเหตุผลการตัดสินใจซื้อมาจาก2 ส่วน คืออารมณ์มีสัดส่วนถึง 90% จากเดิม 70% ส่วนที่ 2 คือเหตุผลลดลงเหลือแค่ 10% จากเดิม 30% จึงเป็นเหตุผลให้คนตัดสินใจซื้อของออนไลน์บ่อย และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เราตัดสินใจ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า Blackpink มาเป็น แบรนด์แอมบาสเดอร์ ”

และเนื่องจากผลิตภัณฑ์ของเดนทิสเต้ มีวางจำหน่ายใน 25 ประเทศ และทำยอดขายดีมากที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งลิซ่าเป็นศิลปินในสังกัด วายจี เอนเตอร์เทนเมนต์ ประเทศเกาหลี มีอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก “LISA SOLO” ที่สร้างกระแสหลังจากปล่อยภาพออกมาเพียงไม่นาน แฮชแท็ก #SoloistLisa ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ของโลกและติดอันดับ 1 ใน 7 ประเทศทั่วโลก จึงเป็นโอกาสดีในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ในหลาย ๆ ประเทศ ตอกย้ำความเป็น“ โกลบอลแบรนด์ ”

  “การจะได้ลิซ่าเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดี อีกทั้งยังได้ฐานแฟนคลับเข้ามาด้วย เพราะการสื่อสารให้สารเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่อายุลดลง จึงต้องใช้ความเข้าใจและต้องเข้าถึงในการสื่อสาร"

 โดยการสื่อสารให้เข้าใจจะเป็นการประชาสัมพันธ์ร่วมกับทันตแพทย์ แจกตัวอย่างสินค้าให้ทดลองใช้ ว่าสินค้าเรามีคุณภาพจริง และสื่อสารให้เข้าถึง คือ การมี ”ลิซ่า” เป็นผู้ส่งต่อแมสเสจ สำคัญจะสร้างความน่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าเหล่าแฟนคลับของศิลปินเองก็มีลอยัลตี้ กับศิลปิน โดยแฟนคลับพร้อมจะสนับสนุนศิลปินที่ชื่นชอบแบบทุ่มหมดใจ ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก อัลบั้ม ตั๋วคอนเสิร์ตเพื่อสนับสนุนศิลปินในดวงใจ

เภสัชกร ดร.แสงสุข ระบุว่า บริษัทใช้งบประมาณ300 ล้านบาทในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออฟไลน์และออนไลน์ พร้อมมีภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ LISA Confident Smile ต้องการเน้นการยิ้มอย่างมั่นใจ ตอบรับกับเอกลักษณ์ของลิซ่าอย่างชัดเจน นั่นคือ “รอยยิ้ม” สังเกตได้จากทุกครั้งที่ลิซ่าปรากฏตัว จะมาพร้อมกับรอยยิ้มที่สวย ฟันขาว มีความมั่นใจทุกครั้งที่ยิ้ม เป็นบุคลิกที่ดูพรีเมี่ยมสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ 

นอกจากนี้ได้จัดทำแปรงสีฟันรุ่นพิเศษ สินค้า รุ่นลิซ่า ที่มีตัวด้ามสีชมพู และ ชุดยาสีฟันแปรงสีฟัน Limited Edition 25,000 ชุด 

คาดว่า การได้ลิซ่ามาร่วมงานในครั้งนี้ จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด 3% โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเจนซีและเจนวายให้ได้มากที่สุด เพราะเป็นกลุ่มที่ควรได้รับการเคลือบฟลูออไรด์เพื่อป้องกัน ฟันผุ

“ปีหน้าเดือน พ.ค. -มิ.ย มีแผนที่ลิช่าเข้าทำกิจกรรมในเมืองไทย หากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย แต่ถ้าไม่อาจทำกิจกรรมเวอร์ชวลให้กับแฟนๆอีกครั้ง และสัปดาห์หน้าจะมีกิจกรรมให้ได้ร่วมสนุกกับลิซ่าออกมาอีกครั้งพร้อมๆกับเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา ”