เตือน! วัยรุ่นเกิด'ปอดอักเสบป๊อบคอร์น'

เตือน! วัยรุ่นเกิด'ปอดอักเสบป๊อบคอร์น'

แพทย์เผยคนตายจากบุหรี่ต่อปีมากกว่าโควิด 3-4 เท่า พบวัยรุ่นเกิดปอดอักเสบป๊อบคอร์น ภาคีร่วมจัดงานประชุมบุหรี่หรือสุขภาพเอเชีย แปซิฟิก ครั้งที่ 13 หวังสร้างความตระหนักถึงพิษภัยยาสูบ พร้อมออกปฏิญญาทั้งระดับปฏิบัติงานและกลุ่มเยาวชน

           .นพ.รณชัย  คงสกนธ์  ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการวามรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะ แพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า   ศจย. แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทย ปลอดบุหรี่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และอีก 12 องค์กรพันธมิตร ร่วมกันจัดงานประชุมบุหรี่หรือสุขภาพเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 13  หรือ 13th Asia Pacific Conference on Tobacco or Health (13th APACT 2021 Bangkok)  

     ในลักษณะลงทะเบียนเข้าร่วมประชุมแบบ Live Stream ระหว่างวันที่ 3-4 กันยายน 2564 เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 หวังสร้างความตระหนักถึงพิษภัยของยาสูบที่ร้ายแรงกว่าโรคระบาดอุบัติใหม่อย่างโควิด 19 เพราะจำนวนผู้ที่เสียชีวิต ทั่วโลกจากยาสูบต่อปีมากกว่าโควิด 19 ถึง 3-4 เท่า และบุหรี่ยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก ในประเทศไทยเองบุหรี่เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาสุด้านขภาพ  

          

           

             

 

 

 

.นพ.รณชัย กล่าวต่ออีกว่า ภายในงาน 13th APACT 2021 Bangkok  ยังมีงานประชุมวิชาการที่น่าสนใจอีก 2 งาน คือ การประชุมวิชาการ 100 ปี แพทยสมาคม หรือ Medical Association of Thailand  1921 – 2021 โดย แพทยสมาคม-แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ การประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 19 หรือ TRC INTERNATIONAL CONFERENCE  2021 “Empowering  Policy Implementation on Tobacco Control” โดย ศจย. ที่จะดำเนินไปพร้อมกัน

   นับเป็นการเสริมพลังวิชาการด้านงานควบคุมยาสูบ ที่จะแปรเป็นโยบายเพื่อควบคุมการบริโภคยาสูบ ในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้เข้มแข็งทั้งในปัจจุบันและต่อเนื่องไปยังอนาคต โดยประชาชนทั่วไปที่สนใจ สามารถรับทราบข่าวสารงานประชุมได้ที่เว็บไซต์ www.apact2021.com ขณะนี้มีผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศไทยและระดับนานาชาติ ในฐานะภาคีเครือข่ายควบคุมการบริโภคยาสูบจาก ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ราว 2,700 คน จาก 40 ประเทศ ตอบรับเข้าร่วม

.ดร.นพ.ประกิตพันธุ์ ทมทิตชงค์ เลขาธิการแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะ เลขาธิการการประชุม APACT 2021 กล่าวว่า เยาวชนในปัจจุบัน นอกจากต้องรับรู้เรื่องอันตรายของยาสูบ และต้องตระหนักด้วยว่า กำลังเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของบริษัทบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าไปอีกหลายสิบปี หรือตลอดชีพของตนเยาวชนเอเชีย โดยเฉพาะเยาวชนไทยเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เพราะยังมีความเข้าใจผิดอยู่มาก และมีคนพยายามทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่อันตราย และเสพติดได้ง่ายมาก แต่เลิกยากมาก เราจึงต้องการสร้างความตระหนักรู้ในตรงนี้ให้เข้มข้น  เพราะจากงานวิจัยที่ทำอยู่ในเมืองไทยพบว่า ระบบการควบคุมยาสูบสำหรับเยาวชนในประเทศ ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอกับปัญหาที่เกิดขึ้น

     “มีงานวิจัยออกมามากขึ้น พบว่าเยาวชนสหรัฐฯ ที่มีอาการปอดอักเสบแบบป๊อบคอร์น (EVALI) ในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา เข้า รพ.แล้วกว่า 2,700 ราย เสียชีวิต 68 คน และมีกรณีที่สูบแล้วระเบิดตัดหลอดลมตาย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากบุหรี่ไฟฟ้าในอเมริกาอย่างน้อย 70 คน  ซึ่งถ้ารวมยอดผู้บาดเจ็บและพิการจากการระเบิดของบุหรี่ไฟฟ้าด้วย เท่ากับในสหรัฐฯ มีเยาวชนเสียชีวิตและพิการจากบุหรี่ไฟฟ้าแล้วเกือบ 100 คน โดยอายุที่เริ่มสูบคือ ม.ต้น หรือประมาณ ม. 2  และเด็กไทยก็เกิดภาวะนี้ตามมา โดยเริ่มมีแอดมิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว จากการเกิดภาวะปอดอักเสบ EVALI

     ทั้งนี้ ภายในงานประชุม 13th APACT 2021 Bangkok ได้ให้ความสำคัญ กับกลุ่มเยาวชนที่กำลังกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของอุตสาหกรรมยาสูบ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า โดยจะมีการประชุมกลุ่ม Youth ในวันที่ 2 กันยายน 2564 ประกอบด้วยเยาวชนไทย 100 คน เยาวชนจากเอเชีย-แปซิฟิก 73 คน ซึ่งเยาวชนแต่ละคน มีแผนงานรณรงค์ต้านยาสูบของตนเอง วงประชุมที่จัดแยกออกมานี้ก็เพื่อให้กลุ่มเยาวชนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ 

และหาข้อสรุปในการออกปฏิญญาต้านยาสูบสำหรับเยาวชนเอเชีย-แปซิฟิกโดยเฉพาะ อย่างไรก็ดี จะมีการติดตามปฏิญญาหลัง ประชุมเสร็จด้วยว่ามีความคืบหน้าหรือผลสำเร็จอย่างไรในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยปฏิญญา Youth จะกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของปฏิญญา APACT 2021 ซึ่งเมื่อผนวกรวมกับภาคส่วนอื่นๆ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของการควบคุมยาสูบระดับ นานาชาติได้อย่างแท้จริง

            ด้าน นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส อดีตนายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า สิ่งที่คาดหวังจากการเข้าร่วม APACT 2021 ในครั้งนี้ คือการสร้างเครือข่ายแพทยสมาคมที่มีอยู่ใ  แต่ละประเทศเอเชีย-แปซิฟิกให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และร่วมดำเนินงานขยายเครือข่ายสมาชิกแพทยสมาคมในแต่ละประเทศ ให้กลายเป็นกำลังช่วยขับเลื่อนการกระตุ้นให้ประชาชน ลด งด และเลิกสูบบุหรี่ โดยมีแพทยสมาคมของประเทศนั้นๆ เป็นโหนดนำ

และส่งไม้ต่องานต้านบุหรี่ให้กลุ่มเยาวชนที่จะเป็นอนาคตของเรื่องนี้ต่อไป รวมถึงการนำองค์ความรู้ถึงพิษภัยบุหรี่ที่ได้ แลกเปลี่ยนกันภายในงานประชุมไปปฏิบัติในประเทศของตนเอง โดยเฉพาะองค์ความรู้ใหม่จากงานวิจัยของหลายๆ ประเทศ ที่ว่าด้วยผลร้ายของนิโคตินในบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า สามารถทำลายเนื้ อเยื่อปอด ซึ่งเกี่ยวพันกับเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด 19 ที่จะทำให้อาการป่วยทวีความรุนแรงมากขึ้นได้ โดยเฉพาะในบุหรี่ไฟฟ้าที่สามารถเพิ่มปริมาณและความเข้มข้นของนิโคติน ได้ไม่จำกัด

            ขณะที่ ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ รองเลขาธิการเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพในเครือข่ายมหาวิทยาลัย อาเซียน และอาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัย มหิดล กล่าวว่า ความร่วมมือระดับอาเซียนในการรณรงค์ต้านยาสูบที่จะเกิดขึ้นในการประชุม 13th  APACT 2021 Bangkok ในส่วนของสถาบันอุดมศึกษา คือการจับมือของมหาวิทยาลัยชั้นนำในกลุ่มประเทศอาเซียนกว่า 30 สถาบัน ซึ่งเป็นเครือข่าย  ASEAN University Network – Health Promotion Network ที่สร้างกรอบในการพัฒนามหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพ และยกประเด็นบุหรี่เป็นเรื่องสำคัญในลักษณะ Zero Tolerance  คือไม่ให้มีบุหรี่ทั้งการสูบ การขาย ในเขตพื้นที่มหาวิทยาลัย ทั้งหมดในทุกระดับ ทั้งผู้บริหาร คณาจารย์ พนักงาน มหาวิทยาลัย และนิสิตนักศึกษา ซึ่งที่ผ่านมาสามารถขยายผลการ ดำเนินงานดังกล่าวสู่นโยบายระดับชาติ