บลจ.ไทยพาณิชย์ ส่ง 2 'กองหุ้นจีน' เเสริมทัพ RMF ขายIPO 24 - 30 ส.ค. นี้

บลจ.ไทยพาณิชย์ ส่ง 2 'กองหุ้นจีน' เเสริมทัพ RMF ขายIPO 24 - 30 ส.ค. นี้

บลจ.ไทยพาณิชย์ ชี้ตลาดหุ้นจีน ฟื้นตัวได้เร็วหลังโควิด พร้อมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจต่อเนื่องในระยะยาว ล่าสุดเปิด 2 กองทุนหุ้นจีน เพื่อการเลี้ยงชีพ สนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 24 - 30 สิงหาคม นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน ที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องในระยะยาวจากการที่รัฐบาลยังคงส่งเสริมธุรกิจเทคโนโลยี ประกอบกับราคาหุ้นได้สะท้อนข่าวร้ายไปแล้ว รวมถึง Valuation ที่อยู่ในระดับน่าสนใจ บริษัทฯ จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนเพิ่มอีก 2 กองทุนหลังจากที่เปิดขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นจีนเอแชร์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMCHA) ไปก่อนหน้าเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Machine Learning China All Share เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMMLCA) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ China Technology เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMCTECH) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีและลงทุนในตลาดหุ้นจีน โดยเริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 24 - 30 สิงหาคม นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดให้นักลงทุนที่ให้ความสนใจในตลาดหุ้นจีน สามารถลงทุนเพิ่มเติมได้ในชนิดเพื่อการออม (Super Savings Fund : SSF) อีก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ China Technology (ชนิดเพื่อการออม) (SCBCTECH-SSF) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นจีนเอแชร์ (ชนิดเพื่อการออม) (SCBCHA-SSF)

162980644888

“จีนนับว่าเป็นประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่แนวโน้มก่อนเกิดวิกฤตได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังได้มีแผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 โดยเปลี่ยนรูปแบบการผลิตจากเน้นปริมาณสู่การผลิตที่เน้นคุณภาพ มีการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิต ส่งผลให้ความเสี่ยงในระบบการการเงินมีแนวโน้มลดลง ถึงแม้ว่า ในช่วงที่ผ่านมากฎหมายควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของรัฐบาลจีนจะส่งผลกระทบต่อราคาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในจีน แต่ Valuation ของหุ้นเทคโนโลยีจีนยังมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อีกทั้งมีอัตราการเติบโตของยอดขายที่สูงขึ้นอีกด้วย ประกอบกับ MSCI ได้เพิ่มสัดส่วนของหุ้นจีน A-shares ในแต่ละดัชนีโดยการเพิ่มสัดส่วนหุ้นจีน A-shares จาก 4% เป็น 20% ใน MSCI EM Index ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยหนุนให้การลงทุนในตลาดหุ้นจีนมีสภาพคล่องเริ่มดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นในระยะถัดไป

โดยปัจจุบันราคาของตลาดหุ้นจีนยังไม่แพงเมื่อเทียบกับเหล่าประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมี P/E ratio ของตลาดประมาณ 15 เท่า ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่เข้าลงทุนในระดับราคาที่เหมาะสมเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาวนอกจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะได้รับ โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้เปิดเสนอขายกองทุนลดหย่อนภาษีที่ลงทุนในตลาดหุ้นจีนทั้งหมด 5 กองทุน เพื่อให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของตนเอง แบ่งเป็น RMF 3 กองทุน และ SSF 2 กองทุน” 

สำหรับกองทุน SCBRMMLCA เน้นลงทุนในหน่วย CIS เพียงกองทุนเดียว ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Machine Learning China All Share ส่งผลให้กองทุนมีการลงทุนสุทธิ (net exposure) ในหน่วย CIS โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเบื้องต้นจะลงทุนใน 3 ตลาดสำคัญของประเทศจีน ได้แก่ 1) ตลาด A-share ตลาดหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น เน้นลงทุนในธุรกิจการบริโภคอุปโภคภายในประเทศ 2) ตลาด H-share ตลาดหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของนักลงทุนสถาบันและลงทุนระยะยาว และ 3) ตลาด ADR บริษัทที่ประกอบธุรกิจในจีนแต่จดทะเบียนซื้อขายในสหรัฐฯ นอกจากนี้ กองทุนมีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Factor Investing

โดยใช้เทคนิคทาง Machine Learning มาประกอบการคัดเลือกหลักทรัพย์ในการลงทุนผ่านระบบที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทจัดการ ทั้งยังสามารถสร้างศักยภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในหลากหลายแง่มุม และสามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงรองรับสถานการณ์รูปแบบต่าง ๆ และสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และมีขั้นตอนที่ชัดเจนนำไปสู่กระบวนการการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ สามารถลดข้อผิดพลาดและอคติของมนุษย์ อีกทั้งมีศักยภาพขยายกรอบการลงทุนให้กว้างขึ้นได้ทั่วโลกในอนาคต ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์และหยวน และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ในอนาคตตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการลงทุน 


ส่วนกองทุน SCBRMCTECH เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ Invesco China Technology ETF (CQQQ) (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Exchange Traded Fund (ETF) จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค (NYSE Arca) ประเทศสหรัฐฯ และบริหารงานโดย Invesco Distributors, Inc. กองทุนหลักจะเน้นลงทุนกลุ่ม Information Technology, Communication Services หรือ Consumer Discretionary เป็นต้น อีกทั้งยังสร้างโอกาสการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนตามดัชนี FTSE China Incl A 25% Technology Capped Index โดยเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนด้วยการคัดเลือกหลักทรัพย์ภายใต้ดัชนีอ้างอิงที่ถูกสร้างมาจาก 2 ดัชนีหลัก คือ FTSE China Index และ The FTSE China A Stock Connect CNH Index ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ของหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินในสกุลเงินต่างประเทศที่กองทุนถืออยู่เทียบกับสกุลเงินบาทไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ