วัคซีนการทูต'จีน-กัมพูชา'กลบปัญหาทะเลจีนใต้

วัคซีนการทูต'จีน-กัมพูชา'กลบปัญหาทะเลจีนใต้

วัคซีนการทูต'จีน-กัมพูชา'กลบปัญหาทะเลจีนใต้ โดยกว่า 90% ของวัคซีนต้านโรคโควิด-19ในกัมพูชาเป็นวัคซีนผลิตในจีน โดยเป็นวัคซีนที่จีนบริจาคนับจนถึงปลายเดือนเม.ย.รวมทั้งสิ้น 1.7 ล้านโดสและรัฐบาลกัมพูชาสั่งซื้อจากบริษัทซิโนแวคจำนวน 4 ล้านโดส

ชาวกัมพูชาเกือบหนึ่งในทุุกๆห้าคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ล้วนเป็นวัคซีนที่ผลิตจากจีนทั้งสิ้น อาจจะไม่น่าแปลกใจเพราะกัมพูชาเป็นพันธมิตรชิดใกล้จีนที่สุด ซึ่งความช่วยเหลือครั้งนี้ก็คือการใช้กุศโลบาย“วัคซีนการทูต”ที่ประเทศมหาอำนาจนำมาใช้เพื่อสร้าง“พันธมิตร”ในเวทีการเมืองโลก

เมื่อสัปดาห์ก่อน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐประกาศแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของทั้งบริษัทไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เพื่อช่วยเหลือนานาชาติรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ปริมาณ 80 ล้านโดส รวมประเทศไทยด้วย

ประธานาธิบดีสหรัฐ กำหนดกรอบการแบ่งปันวัคซีนที่จะแจกจ่ายไปทั่วโลกก่อนเดือนก.ค. ในจำนวนนี้ 75% จะแจกให้กับโครงการโคแว็กซ์ ส่วนอีก 25% เป็นการแจกจ่ายให้แก่ประเทศต่างๆโดยตรง และวัคซีนทั้งหมดนี้เป็นวัคซีนที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขสหรัฐอนุมัติให้ใช้งานได้

โครงการโคแว็กซ์ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อรับประกันการแจกจ่ายวัคซีนอย่างเท่าทียม โดยเฉพาะการป้อนสู่มือประเทศที่มีรายได้ต่ำซึ่งจนถึงขณะนี้ โครงการโคแว็กซ์ได้มอบวัคซีนแก่ประเทศและดินแดนต่างๆ 127 แห่ง ในปริมาณเกือบ 80 ล้านโดส ในปริมาณนี้ 97% เป็นวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ส่วนที่เหลือเป็นวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค

แต่นักวิเคราะห์ ผู้สังเกตุการณ์ทางการเมือง หรือแม้กระทั่งชาวกัมพูชาเองกลับวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความช่วยเหลือที่มากขึ้นเรื่อยๆจนดูเหมือนจะไม่มีวันหมดสิ้นจากรัฐบาลจีน ขนาดสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ยังยอมรับว่า“มีคำถามมากมายว่ากัมพูชาพึ่งพาจีนมากไปหรือเปล่า ก็ถ้าเราไม่พึ่งพาจีนแล้วเราจะพึ่งพาใคร ถ้าจีนไม่บริจาคและขายวัคซีนให้เรา เราก็ไม่มีวัคซีนไว้ฉีดให้กับชาวกัมพูชา”

ข้อมูลของทางการกัมพูชาระบุว่า ในบรรดาชาวกัมพูชา 16 ล้านคนนั้น มีแค่ 16% เท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสโดยสัดส่วนการฉีดวัคซีนในกัมพูชา ยังตามหลังบรูไนและลาวที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับรัฐบาลจีน ส่วนมาเลเซียและอินโดนีเซียมีสัดส่วนการฉีดวัคซีนที่ 7.6% และ 6.6% ตามลำดับ ขณะที่ไทย 4.6% และฟิลิปปินส์ 4.2%

เวียดนาม ที่มีกระแสต่อต้านจีนอย่างรุนแรงมีสัดส่วนไม่ถึง 1% ของจำนวนประชากร โดยรัฐบาลเวียดนามอนุมัติให้ใช้วัคซีนผลิตในจีนในกรณีฉุกเฉินเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมานี้เอง

“การรณรงค์ฉีดวัคซีนให้ชาวกัมพูชาของรัฐบาลใช้เฉพาะวัคซีนของจีน ซึ่งเป็นวิธีการที่เวียดนามจะไม่นำมาใช้”เหงียน แค็ก เกียง นักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยวิคทอเรียแห่งเวลลิงตัน กล่าว

ขณะที่กัมพูชาเผชิญหน้ากับยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเดือนที่แล้ว จีนได้ให้คำมั่นที่จะสนับสนุนและช่วยเหลือกัมพูชาอย่างเต็มที่ “ซึ่งการสนับสนุนและการช่วยเหลือนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงมิตรภาพพิเศษของสองประเทศเท่านั้นแต่ยังสะท้อนถึงการแสดงความรับผิดชอบของจีนที่มีต่อชุมชนจีน-กัมพูชาในอนาคตด้วย”จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าว

ทั้งนี้ กว่า 90% ของวัคซีนต้านโรคโควิด-19ในกัมพูชาเป็นวัคซีนผลิตในจีน โดยเป็นวัคซีนที่จีนบริจาคนับจนถึงปลายเดือนเม.ย.จำนวนรวมทั้งสิ้น 1.7 ล้านโดสและรัฐบาลกัมพูชาสั่งซื้อจากบริษัทซิโนแวค บริษัทเวชภัณฑ์จีนปริมาณ 4 ล้านโดส ที่เหลือเป็นวัคซีนที่มาจากโครงการโคแว็กซ์เพื่อช่วยเหลือประเทศที่มีงบประมาณจำกัด เข้าถึงวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ได้ยาก

“จีนเป็นประเทศแรกที่ให้ความช่วยเหลือกัมพูชา รัฐบาลจีนช่วยให้ชาวกัมพูชาได้มีโอกาสฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพ แต่รัฐบาลจีนก็ช่วยเรามากเกินไปและบ่อยครั้งเกินไป เหมือนพวกเขาจะจับมือเราไว้ตลอด ไม่ยอมปล่อย”สอง สก พุทเทระ พนักงานเสิร์ฟ วัย 19 ปีที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19ของบริษัทซิโนฟาร์ม กล่าว

ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและกัมพูชาเป็นความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่ดำเนินมาช้านาน โดยจีน เพิ่มความช่วยเหลือและลงทุนในกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่านายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชาจะถูกประณามจากบรรดาชาติตะวันตกในข้อกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนและปราบปรามบรรดาฝ่ายค้าน ส่วนกัมพูชาก็ให้การสนับสนุนจีนในการแผ่ขยายอิทธิพลและอ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะต่างๆในทะเลจีนใต้

“วัคซีนกลายเป็นการทูตทางการเมืองที่จะช่วยเพิ่มอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้ ในโลกและในกัมพูชามากขึ้น”ปา จันเรือน ประธานสถาบันเพื่อประชาธิปไตยกัมพูชา ซึ่งเป็นกลุ่มนักคิดในกัมพูชา ให้ความเห็น