ทำไม คอนโดไซส์ใหญ่ขายดี ยูนิตละ100-1,000ล้านขายเกลี้ยง!

ทำไม คอนโดไซส์ใหญ่ขายดี ยูนิตละ100-1,000ล้านขายเกลี้ยง!

เปิดเหตุผลทำไม คอนโดไซส์ใหญ่ขายดี ยูนิตละ100-1,000ล้านขายเกลี้ยง!สวนกระแสเศรษฐกิจ กำลังซื้อหด คอลลิเออร์ส เผยซัพพลายน้อย ดีมานด์กำลังซื้อสูง ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจผันผวน

 ปัจจุบันพฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปหลังโควิด-19 ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ"ขนาด"ที่อยู่อาศัยมากขึ้น เพื่อรองรับกับกิจวัตรประจำวันต้องใช้เวลาอยู่ในที่อยู่อาศัยที่มากขึ้น หลายคนเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน (Work From Home)มากขึ้นจึงต้องการพื้นที่ส่วนตัว ช่วงโควิดระบาด หันไปซื้อบ้านนอกเมืองมากขึ้น 
    

ทว่าเมื่อโรคระบาดคลี่คลายท้ายที่สุด "คอนโด" ก็กลับมาเป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอีกครั้ง!เพราะผู้คนต้องการความสะดวกสบาย เดินทางไปไหนง่ายขึ้น ที่สำคัญคือต้องการพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะในเซกเมนต์ตั้งแต่คอนไฮเอนด์ ที่มีราคาเฉลี่ยระหว่าง 100,000 – 170,000 บาทต่อตารางเมตร ,ลักซ์ชัวรี ที่มีราคาเฉลี่ยระหว่าง 180,000 – 250,000 บาทต่อตารางเมตรและซูเปอร์ ลักซ์ชัวรี  ที่มีราคาเฉลี่ยมากกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตร 

ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ซื้อเพื่อเป็นสินทรัพย์สะสมและเก็บเข้าพอร์ตลงทุนระยะยาว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่มีความมั่งคั่งสูง (Ultra High Net Worth) ต้องการคอนโดที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตสำหรับครอบครัวเพื่ออยู่อาศัยเองหรือเป็นบ้านหลังที่2สำหรับผู้ซื้อชาวต่างชาติ

เหตุผลหลักที่คอนโดห้องใหญ่ขายดี คือ"ซัพพลาย"ค่อนข้างน้อย  ในแต่ละโครงการมีเพียวแค่ไม่กี่ยูนิตเท่านั้น และส่วนใหญ่ตั้งอยู่ชั้นบนๆ ของอาคาร ได้รับวิวที่ดีที่สุด และ"ดีมานด์"ค่อนข้างชัดเจน คือกำลังซื้อระดับบน ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง  กำลังซื้อกลุ่มนี้ยังคงมีความต้องการ ที่อยู่ในพื้นที่ใจกลางเมือง

ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยมีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 60 -2,000 ตร.ม. ขึ้นไปตอบโจทย์การอยู่แบบครอบครัวเพราะมีพื้นที่รองรับการทำกิจกรรมต่างๆได้ ขณะเดียวกันสามารถลงทุนปล่อยเช่าได้ในราคาที่สูงกว่า50,000 บาท/เดือนหรือจะขายต่อก็ได้ผลตอบแทนดีทำให้เป็นยูนิตที่มีความน่าสนใจที่จะซื้อเป็นอย่างมาก เนื่องจากตอบโจทย์ทั้งเรื่องการอยู่เป็นครอบครัวและการปล่อยเช่าเพื่อลงทุน
   

สำหรับห้องใหญ่จะเริ่มตั้งแต่ 200 ตารางเมตรขึ้นไปถึง 2,000 เป็นที่สนใจของดีมานด์เศรษฐีไทยและต่างชาติราคาต่อยูนิตตั้งแต่ 100 - 1,000 ล้านบาทแตกต่างกันที่ขนาดซึ่งเป็น Rare Item ของโครงการคอนโดในเมืองส่วนมากมีห้องยูนิตไซส์ใหญ่มีไม่มากนัก ทำให้กลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการห้องที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มีมากกว่าจำนวนห้องที่มีในโครงการ

 ล่าสุดศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC รายงานสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่าอินเดีย ได้มีการซื้อห้องเฉลี่ยแพงสุดในทุกสัญชาติ โดยซื้อคอนโดราคาเฉลี่ย 6.5 ล้านบาท และยังซื้อห้องมีขนาดใหญ่สุดที่ 72.7 ตร.ม.
    

สอดคล้องกับไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เผยว่า หลังเปิดตัวโครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร มูลค่า 20,000 ล้านบาท บนพื้นที่เกือบ 8 ไร่ ทำเลสาทรใต้ เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมามียอดขาย30%  ส่วนใหญ่จะเป็นห้องขนาดใหญ่ที่ขายได้และปัจจุบันห้องเพนต์เฮาส์ 2 ห้อง ราคา134 ล้านบาทขายหมดแล้ว ! 

เช่นเดียวกันกับขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์สงครามกลางเมืองในเมียนมาและการเกณฑ์ทหาร ส่งผลให้ยอดโอนของต่างชาติที่ซื้อคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยภายในเดือน พ.ค.นี้ บริษัทมีแผนจัดโรดโชว์โครงการคอนโดมิเนียมและบ้านไปประเทศเมียนมา ที่ย่างกุ้ง หลังจากมีลูกค้าชาวเมียนมาเข้ามาซื้อมากขึ้น โดยที่ผ่านมามีซื้อเพนต์เฮาส์ ราคากว่า 30 ล้านบาทที่โครงการพระราม 9 ขายหมดภายในระยะเวลา 2 เดือน
 
  “ผลกระทบจากสงครามกลางเมืองในเมียนมา-เกณฑ์ทหาร ทำให้กลุ่มคนเมียนมาที่มีเงินส่งลูกหลานมาเรียนในประเทศไทย ส่งผลให้ยอดโอนคอนโดมิเนียมจากคนเมียนมาขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจากจีน คาดว่า การจัดโรดโชว์ดังกล่าวจะมียอดขายอย่างน้อย 20-30 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 100-200 ล้านบาท โดยมีบริการดูแลการปล่อยเช่าให้ด้วย”

    พร้อมกันนี้มีการรวมห้อง (Combine Unite) 1-2 ห้องให้เป็นเพนต์เฮาส์ จำนวน 21 ยูนิต รองรับความต้องการของลูกค้าในปลายไตรมาส 2  ระดับราคากว่า 30 ล้านบาทต่อยูนิต กลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นคนจีน ที่ต้องการคอนโดขนาดใหญ่ ขั้นต่ำมีขนาด 80 ตารางเมตรต่อยูนิต