'พท.'ชี้กู้5แสนล้านไม่แก้โควิดที่รากเหง้า อัดรบ.ทำประเทศเจอวิกฤติ4ต่อ

"เพื่อไทย" จัดเสวนาออนไลน์ "หมอพรหมินทร์" ชี้ ไทย เผชิญ 4 วิกฤติ "โควิด-เศรษฐกิจ-บริหารผิดพลาด" คุมโรค กระจายวัคซีนไร้ประสิทธิภาพ เกิดวิกฤติปชช.หมดความเชื่อมั่น "กิตติรัตน์" เผย ฐานะการคลัง อ่อนแอ เสี่ยงเข้าวงจรอุบาทว์ ศก.ใช้เวลาฟื้นอย่างน้อย4ปี แนะ คิดนอกกรอบแก้ปัญหา อัด กู้5แสนล้าน นำประเทศไปผิดทาง
ที่พรรคเพื่อไทย มีการจัดงานเสวนาออนไลน์เรื่อง การบริหารวิกฤตโควิด-19 และสภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทย นำโดยนางนลินี ทวีสิน ประธานคณะทำงานต่างประเทศ พร้อมกับแกนนำพรรคเข้าร่วม ได้แก่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.คลัง โดยบรรยากาศการเสวนามีผู้เข้าชมผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมชม และผู้สื่อข่าวต่างประเทศตั้งคำถามกับผู้ร่วมเสวนาด้วย
นางนลินี กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และมีความกังวลอย่างมาก 3 ประเด็นคือ 1.การจัดลำดับความสำคัญและประสิทธิภาพในการจัดการกับโรคระบาด 2.วิธีการจัดสรรและกระจายทรัพยากรเพื่อแก้ปัญหาและฟื้นฟูประเทศชาติ 3.ความโปร่งใสในการทำงานของรัฐบาล จึงจัดเสวนาครั้งนี้ขึ้นเพื่อสะท้อนปัญหาการบริหารจัดการโควิด-19 ของรัฐบาล
นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 ทำให้เกิดปรากฎการณ์ “วิกฤติสองต่อ” (Double Crises) คือวิกฤติโควิด-19 และต่อด้วยวิกฤติเศรษฐกิจ หลายประเทศผ่านไปได้เมื่อรัฐสามารถจัดหาและกระจายวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพทันเวลา ดังนั้น มาตรการดำเนินการของรัฐบาลจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ว่าจะนำประเทศผ่านวิกฤติไปได้หรือไม่ แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว อาจไม่ได้เผชิญแค่วิกฤติสองต่อ แต่ต้องเผชิญวิกฤตต่อที่ 3 คือ วิกฤตรัฐบาลบริหารผิดพลาด เพราะไม่สามารถวางแผนควบคุมโรคและกระจายวัคซีนเพื่อรับมือกับวิกฤติโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสิ่งนี้จะนำสู่วิกฤตต่อที่ 4 คือ วิกฤตการเมืองครั้งใหญ่" เพราะประชาชนหมดไม่ไว้วางใจและหมดความเชื่อมั่นในรัฐบาลจากความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขณะที่นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน จีดีพีมีอัตราการเติบโตที่ช้ากว่าหนี้สาธารณะแม้ก่อนการระบาด การว่างงานสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด จุดอ่อนของการคลังคือหนี้สาธารณะที่สูงจนเกือบชนเพดาน ฐานะการคลังอ่อนแอจนเสี่ยงเข้าสู่วงจรอุบาทว์ หากรัฐยังไม่สามารถควบคุมโรคระบาดและยังไม่สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้อย่างทั่วถึงได้ เศรษฐกิจไทยจะใช้เวลาฟื้นตัวอย่างน้อย 4 ปี ซึ่งเป็นเวลาหลังจากมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป และมีรัฐบาลใหม่ที่เข้าใจวิธีแก้ปัญหา ทั้งนี้ เพื่อไทยเสนอให้รัฐบาลคิดนอกกรอบและไม่ยึดติดกับขนบธรรมเนียมเดิมๆ เพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างได้ผลทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีนโยบายการเงินและนโยบายการคลังที่เกื้อหนุนกัน กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การแก้ไขกฎระเบียบ และการแสวงหาความร่วมมือระหว่างภาครัฐ-เอกชน และ ภาครัฐ-ประชาชน
ส่วนผู้ประกอบการรายย่อยกำลังประสบปัญหาอย่างหนักนั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นำประเทศไปในทิศทางที่ถูกต้อง ดังจะเห็นได้จาก พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านที่กำลังอภิปรายอยู่ในสภาไม่ได้มีการใช้งบประมาณเพื่อแก้วิกฤติโควิดที่รากเหง้าอย่างเพียงพอ สำหรับมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจรัฐบาลควรพิจารณาให้ เงินกู้สินเชื่อปลอดดอกเบี้ย เมื่อถึงมือภาคธุรกิจและภาคประชาชน โดยผู้รับภาระคือธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์ แทนมาตรการทางการคลังที่กำลังอ่อนแอ และไม่มีประสิทธิภาพอย่างในปัจจุบัน พร้อมลดภาระภาษีเพื่อให้ประชาชนมีกำลังจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น แม้รัฐจะมีรายได้รวมลดลง