“สทนช.”เร่งแก้น้ำเค็มรุก4 ลุ่มน้ำอ่าวไทย

สทนช. ถกแผนเร่งแก้น้ำเค็มรุก 4 ลุ่มน้ำติดอ่าวไทย เสนอรัฐบาลภายใน 90 วัน หลังพบน้ำเค็มเข้าแผ่นดินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำแนวทางการแก้ปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็ม น้ำท่วม และน้ำแล้งในลุ่มน้ำติดอ่าวไทย ครั้งที่ 1/2564 ที่ประชุมได้มีการหารือใน 4 ประเด็นหลัก คือ 1. การจัดการอุปทานด้านน้ำเพิ่มเติม ทั้งแหล่งน้ำที่มีอยู่เดิม หรือโครงการแหล่งน้ำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะต้องมีการรวบรวมข้อมูลให้เกิดความชัดเจน เพื่อให้มีฐานข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำในการผลักดันน้ำเค็มและบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง
2. การเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้อุปสงค์ด้านน้ำ ลดการสูญเสียน้ำระหว่างทางในแม่น้ำ 3. การย้ายจุดสูบเพื่อผลิตน้ำประปาขึ้นไปอยู่ในจุดเหนือน้ำที่สูงขึ้น และ 4.พิจารณารูปแบบระบบควบคุมน้ำเค็มบริเวณปากแม่น้ำที่เคยมีการศึกษาไว้เดิม หรือเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เป็นต้น
โดยระยะแรกของโรดแมพการทำงานของคณะอนุกรรมการฯ ที่ประชุมได้รวบรวมข้อคิดเห็น ข้อมูลประสบการณ์ การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาการรุกตัวน้ำเค็ม น้ำท่วม น้ำแล้งพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง จากทุกหน่วยงานที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อให้ได้ความชัดเจนถึงผลกระทบในแต่ละลำน้ำที่มีความแตกต่างกัน การกำหนดจุดสถานีวัดน้ำเค็มที่จะเป็นสถานีหลักในการติดตามเฝ้าระวังที่ต้องพิสูจน์ได้ว่าค่าความเค็มที่เหมาะสมในแต่ละลุ่มน้ำ
ทั้้งนี้ ต้องคำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ ระบบนิเวศน์ในแต่ละลำน้ำประกอบกันก่อนนำมาใช้เป็นข้อมูลคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ ความรุนแรงของปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผลกระทบด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอแนวทางมาตรการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว
สำหรับแผนต่อไปคือการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายที่ระบุประเด็นสำคัญ และกรอบแนวทางการในการศึกษา และร่างเงื่อนไขและขอบเขตการศึกษา (TOR) การแก้ไขปัญหาการรุกตัวน้ำเค็ม น้ำท่วม น้ำแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง (ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำท่าจีน ลุ่มน้ำบางปะกงตอนล่าง และลุ่มน้ำแม่กลองตอนล่าง) ให้แล้วเสร็จในระยะเวลา 90 วัน หรือ ภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เพื่อสรุปรายงานต่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐนตรี ก่อนเสนอต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ให้ความเห็นชอบ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
“การแก้ไขปัญหาน้ำเค็มรุกในแม่น้ำ 4 สายหลัก เพื่อให้เกิดแนวทางการแก้ไขที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมไม่เกิดปัญหาซ้ำซากทุกปี เนื่องจากส่งผลกระทบกับประชาชนและภาคเกษตรกรรมในแต่ละปีต่อเนื่อง "
สำหรับมาตรการที่ใช้สิ่งก่อสร้างต้องมีการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม การยอมรับของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน และรอบคอบ รวมถึงหากมีข้อมูลเชิงวิชาการพิสูจน์ได้ว่าระดับทะเลที่จะเพิ่มสูงขึ้นระยะ 20 – 50 ปีข้างหน้า การบริหารจัดการน้ำอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ก็ต้องพิจารณามาตรการที่ต้องใช้สิ่งก่อสร้างในการปิดกั้นน้ำเค็ม







