ปรับกำไรหุ้นเดินเรือยกกลุ่ม   ส่งออกฟื้น-ค่าระวางแรงพุ่งไม่หยุด

ปรับกำไรหุ้นเดินเรือยกกลุ่ม    ส่งออกฟื้น-ค่าระวางแรงพุ่งไม่หยุด

หลายประเทศเริ่มออกมาพูดถึงการเปิดเมืองหลังจากมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศมากขึ้น  โดยเฉพาะประเทศที่มีการบริโภคสูงทั้งจีน และสหรัฐ   จนทำให้ความเชื่อมั่นในการบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ผลดีต่อการขนส่งสินค้าที่น่าจะกลับสู่ภาวะเติบโตหลังหยุดชะงักไปในช่วงระบาดรอบแรก  ตามมาด้วยรอง 2 ในหลายๆ ประเทศรวมทั้งไทย   ซึ่งทำให้หุ้นโลจิสติกส์และหุ้นเดินเรือ ได้รับการเพิ่มน้ำหนักด้านผลประกอบการมากขึ้นตามไปด้วย

สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ชี้ให้เห็นภาวะดังกล่าวมาจากช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ถึงต้นปี 2564  ที่ผ่านมาการขนส่งทั่วโลกเผชิญการหยุดชะงักตามมาตรการล็อกดาวน์ใหม่  ทำให้การขนส่งสินค้าทางเรือระหว่างประเทศลดลงมาก เกิดปัญหาตู้คอนเทนเนอร์เปล่ากระจ่ายไปตามท่าเรือ บริษัท โรงงาน ตามประเทศต่าง ๆ จึงทำให้สายเดินเรือ 3 กลุ่มใหญ่ อย่าง THE Alliance, Ocean Alliance และ 2M Alliance ต้องหยุดเดินเรือหรือจำกัดการเดินเรือมากขึ้น

เมื่อยกเลิกล็อกดาวน์สิ่งที่ตามมาคือ คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น  จนเกิดเหตุการณ์การขาดแคลนตู้ขนส่ง หรือคอนเทนเนอร์  เนื่องจากจีนเร่งส่งออกสินค้า ทำให้ความต้องการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น            

สวนทางกับประเทศปลายทางส่งออกอย่างสหรัฐฯ และยุโรป โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอยู่ ส่งผลให้ตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างที่ท่าเรือสหรัฐและยุโรปจำนวนมาก ต้องใช้เวลานานในการนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่ากลับคืนประเทศต้น ส่งผลให้ไม่มีที่วางตู้คอนเทนเนอร์ จำนวนเรือไม่เพียงพอในการขนส่ง และค่าระวางปรับสูงขึ้น  เกิดปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และค่าระวางเรือ ที่สูง

ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ที่ให้อ้างอิง ล่าสุดขึ้นมาสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี อยู่ที่ 2,319 จุด ()  ส่งผลต่อค่าระวางเรือจากไทยไปยุโรปเดิมเก็บ 700 - 900 เหรียญต่อตู้ แต่ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็น 1,000 ในเดือน พ.ย. 2563 เพิ่มเป็น 2,200 เดือน ธ.ค. 2563 และเพิ่มสูงถึง 3,650 เหรียญต่อตู้ในเดือน ม.ค. 2564 ส่วนค่าระวางเรือจากไทยไปสหรัฐฯ เดิมเก็บ 1,000-1,500 เหรียญต่อตู้ ปรับเพิ่มเป็น 3,200 เหรียญต่อตู้ช่วงเดือน พ.ย. 2563  ม.ค. 2564

ผลดีต่อหุ้นต้น บริษัท พรีเชียส ชิฟปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL ดำเนินธุรกิจการเดินเรือสำหรับขนส่งสินค้าแห้งเทกองแบบไม่ประจำเส้นทาง มีเส้นทางเดินเรือครอบคลุมทั่วโลกในภูมิภาคสำคัญ ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ ( บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ประเมินจาก อัตราค่าระวางเรือเทกองทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี

และคาดจะเป็นทิศทางเช่นนี้ในช่วงปี 2564-2565 บริษัทมีเรื่องราวของการฟื้นตัวอย่างแท้จริง เพราะคาดว่าจะพลิกมาเป็นกำไรเป็นปีแรกในรอบ 9 ปีทีเดียว (ยกเว้นปี 61) จากปี 2563 ที่มีขาดทุนจากธุรกิจหลัก (Core Losses) ที่ 601 ล้านบาท คาดว่าปี 2564 และ 2565 จะพลิกกลับมาเป็นกำไรหลักถึง 1.3 และ 1.7 พันล้านบาท ตามลำดับ พร้อมให้ราคาพื้นฐานเป็น 13.60 บาท (P/BV ที่ 1.85 เท่า)

ตามมาด้วย บริษัท โทรีเซนไทย  เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA  มีหนึ่งในธุรกิจขนส่งทางเรือ  ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 13.00 บาท จากเดิม 10.00 บาท จากแนวโน้มค่าระวางที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงในระยะยาว และได้มีการปรับกำไรปี  2564-2565 ขึ้น +14%/+12%   จนทำให้มองว่าเป็นหุ้นเทินร์อะราวด์อีกบริษัทหนึ่ง

ส่วนหุ้นบริษัท อาร์ ซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL ดำเนินธุรกิจเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบ feeder โดยตรง    ในมุมมอง บล.ทิสโก้   แนะนำ โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 25 บาท       มีความเสี่ยงคือ แนวโน้มราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อัตราค่าเช่าเรือที่สูงขึ้น การขาดแคลนปริมาณเรือรวมถึงเรือเช่า (จากการที่ผู้ให้เช่าเรือต้องการล็อคสัญญาเช่าเรือยาวเป็น 3-5 ปีจากเดิมเป็นครึ่งปี)

นอกจากนี้ประเมิน บริษัท พรีมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM  เป็นผู้ขนส่งสินค้าน้ำมันและปิโตรเคมี กำไรสุทธิไตรมาส 1ปี 2564  จะเติบโต จากการรับรู้การปรับอัตราค่าบริการลูกค้าเรือ FSU (ในปี 64เริ่มปรับอัตราค่าบริการปลาย Q1/63 ) และคาดการฟื้นตัวของเรือขนส่งในประเทศตามความต้องการใช้น้ำมัน

และคาดปี 2564 ผลประกอบการจะเติบโตจากการฟื้นตัวในธุรกิจการขนส่งในประเทศซึ่งก่อนหน้านี้เป็นธุรกิจหลักของบริษัท รวมกับธุรกิจ FSU ที่ยังคงแข็งแกร่งจากความต้องการใช้เรือที่ยังมีต่อเนื่องจากลูกค้า ให้ราคา 11.50 บาท