‘เอ็นดับบลิวอาร์’ตุนแบ็กล็อก ดันรายได้-กำไร‘เทิร์นอะราวด์’

‘เอ็นดับบลิวอาร์’ตุนแบ็กล็อก  ดันรายได้-กำไร‘เทิร์นอะราวด์’

อุปสรรคการก่อสร้าง ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ปัญหาแรงงาน งานล่าช้า สารพัด “แรงกดดัน”ในธุรกิจรับเหมา-ก่อสร้าง สะท้อนผ่านผลดำเนินงานของ บริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ หรือ NWR

ที่พลิกขาดทุนสุทธิไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 293 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563มีกำไรสุทธิ 4 ล้านบาท และช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุนสุทธิ 273 ล้านบาท เนื่องจากตั้งสำรอง120ล้านบาท และ ต้นทุนมากกว่าประมาณการทำให้อัตรากำไรขั้นต้นต่ำเพียง 0.2% เทียบกับ 7.7% ไตรมาสก่อน และ -5.8%ปีก่อน

“ปสันน สวัสดิ์บุรี” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุทธ์ บริษัท  เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR เปิดเผยว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยตั้งเป้ารายได้โต 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 9,929 ล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเติบโตเฉลี่ยประมาณ 6%

สำหรับ รายได้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีนั้น จะมาจากรายได้จากการก่อสร้างคิดเป็น80% รายได้จากบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจด้านคอนกรีตเหล็กคิดเป็น10%

ขณะที่รายได้จาก“อสังหาริมทรัพย์”คาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 5-8% โดยจะมาจากการเปิดโครงการใหม่ ประกอบด้วย โครงการ Baranee Park มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาทโครงการ Baranee Residence มูลค่าโครงการ 850 ล้านบาทโครงการ Aspen Condo Lasalleเฟส1 มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท เฟส 2 มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท และเฟส 3 มูลค่าโครงการ 821 ล้านบาท โครงการ Bann Issaraมูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท และและธุรกิจร้านอาหารคิดเป็นประมาณ 2-3%

“ปีนี้เป้าหมายที่วางเติบโต 30% จากปีก่อน ถือเป็นรายได้สูงสุดของเราด้วย โดยจะมาจากการก่อสร้างเป็นหลักที่จะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือที่มีอยู่ และเดินหน้าประมูลงานใหม่ๆเข้ามาต่อเนื่อง”

สำหรับปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (backlog) ประมาณ 32,000 กว่าล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายใน 3 ปี (2564-2566) ซึ่งปีนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 30% นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมประมูลงานใหม่ๆ โดยเตรียมที่จะประมูลงาน รวมมูลค่าประมาณ 53,000 ล้านบาท คาดได้งานไม่ต่ำกว่า 10-15%ของมูลค่าโครงการทั้งหมด

ส่วนโครงการที่ยังดำเนินการอยู่เนื่อง ประกอบด้วย โครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งลงนามก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โครงการทางเลี่ยงเมืองฉะเชิงเทราด้านใต้ โครงการ Krabi Airport Taxi way โครงการโรงไฟฟ้าบีกริม 7 ยูนิต โครงการระบบขับคู่ขนาน สนามบินเชียงราย โครงการทางเชื่อม One Bangkok เป็นต้น

“เรามี Backlog สูงถึง 32,131 ล้านบาท สามารถรองรับรายได้ถึง 3 ปี โดยปี 2563 ได้งานใหม่ 13,152 ล้านบาท ปัจจุบันมีงานที่กำลังติดตาม 53,000 ล้านบาท ซึ่งตั้งแต่ต้นปีได้งานใหม่แล้ว 2,422 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าหมายจะได้งานใหม่ 16,000 ล้านบาท”

เขาบอกต่อว่า การดำเนินงานในประเทศเมียนมานั้น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทรับเหมาก่อสร้างโรงแรมทวาย และได้เปิดกิจการแล้ว แต่ผู้ว่าจ้างยังค้างค่าก่อสร้างในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทต้องตั้งสำรองหนี้ก่อสร้างคงค้างประมาณ 91 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในปีนี้ แต่ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลต่อรายได้ของบริษัท เนื่องจากในปีที่ผ่านมาได้ตั้งสำรองหนี้ไปค่อนข้างเยอะแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทมองว่าจากรายได้และกำไรที่คาดว่าจะมีเข้ามาในปีนี้ จะส่งผลให้บริษัททยอยคืนหนี้ให้กับธนาคารได้ โดยไม่มีปัญหา รวมถึงสามารถทยอยล้างขาดทุนสะสมได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยืนยันว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบัน และสถานะทางการเงินของบริษัท ยืนยันว่า ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแต่อย่างใด

“ยอมรับว่าลูกหนี้ที่ยังเรียกเก็บเงินไม่ได้มีพอสมควร โดยทีมงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่เนื่องจากลูกหนี้ของบริษัทส่วนใหญ่เป็นกลุ่มงานภาครัฐ จึงมีความเสี่ยงต่ำ และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหา”