หยวนต้าส่องหุ้น'EA' คาดกำไรปีนี้ 5.2 พันล้าน เพิ่มขึ้น 4%

หยวนต้าส่องหุ้น'EA' คาดกำไรปีนี้ 5.2 พันล้าน เพิ่มขึ้น 4%

หยวนต้าวิเคราะห์หุ้น "EA" คาดปีนี้ทำกำไรเพิ่ม 4% แตะ 5.2 พันล้านบาท จากการรับรู้รายได้ธุรกิจใหม่ ทั้งไบโอพีซีเอ็ม รถบัสอีวี และโรงงานแบตเตอร์รี่ ที่จะผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2 /64

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) หรือ EA หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2564 ที่ผ่านมา

หบวนต้าสรุปสาระสำคัญโดยมีมุมมองเป็นกลางถึงค่อนข้างลบ โดยเห็นว่า หน่วยธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน บริษัทตั้งเป้าเปลี่ยนแผงโรงไฟฟ้าบางส่วนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ซึ่งอาจทำให้ Yield เพิ่มขึ้นราว 20% จากปัจจุบัน

ส่วนหน่วยธุรกิจ EV - Car จำนวน 5,000 คัน มีโอกาสเลื่อนทยอยส่งมอบจากปี 2564 เป็นปี 2565 เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มสหกรณ์แท็กซี่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID – 19

ขณะที่หน่วยธุรกิจ E – Ferry ตั้งเป้าให้บริการทั้งหมด 27 ลำ ปัจจุบัน เปิดให้บริการแล้ว จำนวน 6 ลำ และอยู่ระหว่างการผลิตอีกจำนวน 21 ลำ คาดจะทยอยเปิดให้บริการตั้งแต่ 2Q64 เป็นต้นไป

หน่วยธุรกิจ E – Bus คาดจะทยอยส่งมอบ จำนวน 300-400 คันให้กับกลุ่มเอกชนภายใน 2Q64 และอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มเอกชนอีกจำนวน 500 คัน ขณะที่การประมูลรถบัสไฟฟ้ากับทาง ขสมก.อีกจำนวน 2,500 คัน ต้องรอความชัดเจนจากทางภาครัฐ

หน่วยธุรกิจ Battery จำนวน 1 GWh คาดจะเปิดดำเนินการภายใน 2Q64 โดยบริษัท ตั้งเป้า U – rate ที่ 50-80% ทำให้ปี 2564 คาดจะผลิตแบตเตอรี่ได้จำนวนราว 0.5 GWh เบื้องต้น แบตเตอรี่จะถูกนำไปใช้ในภายในกลุ่มบริษัทฯ อาทิ E – Bus, E – Ferry และสถานีบริการอัดปะจุไฟฟ้า

บริษัทตั้งเป้างบลงทุน (CAPEX) ปี 2564 ที่ 6,100 ล้านบาท แบ่งเป็น การซ่อมแผงโรงไฟฟ้า จำนวน 2,800 ล้านบาท, ขยายธุรกิจแบตเตอรี่ จำนวน 1,200 ล้านบาท, ขยายกลุ่มธุรกิจ EV Car, E – Bus และ E – Ferry จำนวน 1,500 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ อีก 600 ล้านบาท

เราคาดกำไรปกติใน 1Q64 อยู่ในระดับ 1,300 ล้านบาท +/- ชะลอเล็กน้อย QoQ และทรงตัว YoY จากกระแสลมที่ลดลงตามฤดูกาลและการระบาดระลอกใหม่ของ COVID – 19 อาจเป็นปัจจัยกดดันราคาจำหน่ายและปริมาณการจำหน่ายในหน่วยธุรกิจ B100

เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2564 ที่ 5,207 ล้านบาท (+4%YoY) จากการรับรู้รายได้ Bio – PCM ขนาด 65 ตัน/วัน เต็มปีเป็นปีแรก, เริ่มรับรู้รายได้ E – Bus จำนวน 300 – 400 คันซึ่งจะทยอยส่งมอบใน 2Q64 (ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ) และโรงงานแบตเตอรี่ ขนาด 1 GWh คาด COD ใน 2Q64

คงคำแนะนำ “TRADING” ที่ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2564 ที่ 69.0 บาท/หุ้น มี Upside gain 15.5% อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นอาจมี Sentiment เชิงลบจากความไม่ชัดเจนของการประมูลรถบัสไฟฟ้า ขสมก. ซึ่งเป็น Catalyst สำคัญในการเติบโตในอนาคต

ความเสี่ยง ผลตอบแทนพัทธบัตรรัฐบาลมีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นลบต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่อาจทำให้เกิด Sector rotation เนื่องเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive

ทางเทคนิค แนวรับ 57.50 / 55.00 / 51.00 แนวต้าน 61.00 / 62.50 / 63.50 และจุด Stop loss ที่ 50.00 บาท