รีบาวด์ตามเพื่อนบ้าน

รีบาวด์ตามเพื่อนบ้าน

ระวังแรงขายจาก Fund Flow ต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง แนะซื้อหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัวและหุ้นที่คาดว่างบ 4Q63 เติบโต 

ตลาดหุ้นวานนี้

SET ปิดที่ 1,478.05 จุด +11.07 จุด (+0.75%) มูลค่าการซื้อขาย 7.7 หมื่นล้านบาท โดยดัชนีรีบาวด์ขึ้นเช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศหลังตอบรับปัจจัยลบไประดับนึงแล้ว ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นแรงซื้อในกลุ่ม ENERG PETRO และ BANK นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อดักงบปี 2563 ช่วยหนุนดัชนี 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

คาด SET รีบาวด์ขึ้นทดสอบ 1,485 - 1,490 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่ดีดตัวขึ้นหลังคลายกังวลกรณีหุ้น GameStop ประกอบกับได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังซาอุฯลดกำลังการผลิตลง อย่างไรก็ตามควรระวังแรงขายจาก Fund Flow ต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง ดังนั้นจึงแนะนำซื้อหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัวและหุ้นที่คาดว่างบ 4Q63 เติบโต 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • หุ้นที่คาดว่างบ 4Q20 เติบโต PTTGC TOP IVL EPG VNT CBG ROJNA TVO STGT CPF RCL PSL SYNEX COM7 XO WICE JMT JMART SINGER MTC SAWAD KCE
  • หุ้นที่ได้กระแสข่าวกัญชง CBG ICHI OSP SAPPE RBF DOD

หุ้นแนะนำวันนี้

  • EPG (ปิด 8.35 ซื้อ/เป้า 10.5) คาดงบ 3Q21 (ต.ค.-ธ.ค.) มีกำไรสุทธิ 340 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 11%qoq และ 59%yoy สูงสุดในรอบ 4 ปี และคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตในทุกไตรมาสต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2022 
  • MTC (ปิด 66.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 74) คาดกำไรสุทธิ 4Q20 เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ การเร่งขยายสาขาหนุนยอดสินเชื่อขยายตัว ดอกเบี้ยลดลงจากการใช้เงินกู้ Soft loan และควบคลุมค่าช้าจ่ายได้ดี

บทวิเคราะห์วันนี้

CRC (ปิด 30.75 ซื้อ/เป้า 36), EPG (ปิด 8.35 ซื้อ/เป้า 10.5), PTTEP (ปิด 106.5 ปรับเป็นซื้อ/เป้าใหม่ 125 เดิม 110)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์สวนทางประเทศอื่นๆ เริ่มชะลอตัว: สหรัฐรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ม.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59.2 สูงสุดนับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลเมื่อเดือน พ.ค. 2550 สวนทางจีนและยุโรปที่เริ่มชะลอตัวซึ่งเป็นผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดระลอกใหม่และการส่งมอบวัคซีนที่ล่าช้า
  • (+) น้ำมันดิบฟื้นตัวหลังซาร์อุฯ เริ่มลดกำลังการผลิตตามที่ตกลงไว้: โดยซาอุฯ จะลดกำลังการผลิตจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันจาก 9.1 เป็น 8.1 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 64 จนถึง 31 มี.ค.64 เพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมันหลังจากมีความกังวลว่าดีมานด์จะลดลงหลังจากเกิดโควิด -19 ระบาดระลอกใหม่ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI บวกแรงกว่า
  • (+/-) พรุ่งนี้ติดตามแบงก์ชาติประชุม คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ตามเดิม: จาก 1) คง Policy space เพื่อใช้ในยามจำเป็น, 2) ลดการแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง (Search for yield) และ 3) รอดูผลจากภาครัฐออกมาตรการเยียวยาโควิด -19 รอบใหม่ (หากลดดอกเบี้ยเป็นลบกับแบงก์แต่เป็นบวกกับไฟแนนซ์)