กสิกรไพรเวทแบงก์ แนะกระจายลงทุน ตั้งเป้า‘รีเทิร์น’ปีนี้6-8%

กสิกรไพรเวทแบงก์ แนะกระจายลงทุน  ตั้งเป้า‘รีเทิร์น’ปีนี้6-8%

“กสิกรไพรเวทแบงก์” ชี้ เศรษฐกิจทั่วโลกฟื้น หนุนสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้น แต่ยังมีความผันผวนจากโควิดระบาด แนะกระจายพอร์ตลงทุน เน้น กองทุนผสม50% ลงทุนหุ้นเทคฯ30% พร้อมโชว์ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึง 20 ม.ค. บวก2% ตั้งเป้าปีนี้รักษาที่ 6-8%

161176077157    นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ภายใต้ปัจจัยบวกจากข่าววัคซีนโควิด-19 ที่ทั่วโลกเริ่มมีการฉีดที่ทั่วถึงมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐ ที่มีมูลค่ามากกว่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นปัจจัยหนุนให้สินทรัพย์ทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น

    โดยเฉพาะตลาดหุ้นโลก ดัชนี MSCI ขึ้นไปที่ 3.5% หุ้นในกลุ่ม Winner of new economy หรือหุ้นในกลุ่มผู้ชนะ เช่นหุ้นเทคโนโลยี ขึ้นไปถึง 5.7-8.3% หุ้นเทคโนโลยีด้านสุขภาพขึ้นไปถึง20% เช่นเดียวกันหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดปีก่อนแล้วราว 60-70% ดังนั้นเชื่อว่าในครึ่งปีแรกเป็นจังหวะดีของการลงทุน ในสินทรัพย์ต่างๆโดยเฉพาะกองทุนผสมและ หุ้น โดยเฉพาะหุ้นต่างประเทศที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ รวมถึงหุ้นเอเชีย ,หุ้นจีน ที่ P/E ยังอยู่ในระดับต่ำ หากเทียบกับแนวโน้มกำไรที่คาดเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนจากวัคซีน รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19

    ดังนั้นภายใต้ความผันผวนกสิกรไพรเวทแบงก์ แนะนำให้นักลงทุนกระจายพอร์ตลงทุน หรือลงทุนแบบ “Stay Invested + Stay Diversified” โดยแนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายประเภทผ่านกองทุนรวม โดยให้ลดการถือเงินสด

    ส่วนสัดส่วนการลงทุนแนะนำ แบ่งพอร์ตลงทุน 50% ให้ลงทุนในกองทุนผสม เช่น สินทรัพย์เสี่ยง โดยในนี้มีหุ้นอยู่ราว 50-60% ส่วนใหญ่เป็นหุ้นต่างประเทศที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

    ขณะที่อีก30% แนะนำลงทุนในหุ้น 5 ธีมหลักที่ได้รับอานิสงส์การฟื้นตัวของโลก เช่น Winner of new economy หรือ ผู้ชนะในเศรษฐกิจใหม่ อย่างเช่นกลุ่มเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ ,Health is Wealth หรือการรักษาสุขภาพคือความมั่งคั่งใหม่ ผ่านการลงทุนกลุ่ม Healthcare และนวัตกรรมทางการแพทย์ ทั่วโลก

    รวมถึงกลุ่ม Save the World หรือเทรนด์รักษ์โลก ที่ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด ,The Rise of China and Asia หรือ สินทรัพย์ในจีนและภูมิภาคเอเชีย ที่จะเข้ามามีบทบาทในเศรษฐกิจโลกมากขึ้น รวมถึง Laggard and Cyclical Upturn เช่น หุ้นในภูมิภาคหรือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบแรงในปีที่แล้ว และราคายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมทั้งกลุ่มที่ผลประกอบการจะดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

    ขณะที่ 10% แนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้เอเชีย กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่เหลืออีก 10% ลงทุนในทองคำ ที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและเป็นตัวพยุงพอร์ตการลงทุนให้สมดุลมากขึ้น

    สำหรับการลงทุนในหุ้นไทยปัจจุบัน ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วค่อนข้างมาก ทำให้ราคาหุ้นอยู่ในภาวะตึงตัว แต่ยังไม่ได้อยู่ในภาวะฟองสบู่ ดังนั้นอาจต้องรอจังหวะในการลงทุนหุ้นไทย หากมีการปรับกำไรหรือเป้าหมายที่ดีขึ้น ก็เชื่อว่าจะเป็นโอกาสดีของการเข้าลงทุนในระยะถัดไปได้

     สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุนโดยเฉพาะในพอร์ตของ กสิกรไพเวทแบงก์ ตั้งแต่ต้นปีจนถึง 20 ม.ค.2564 เป็นบวกแล้วเฉลี่ย 1.97-2.12% ทั้งนี้ คาดแนวโน้มผลตอบแทนจากการลงทุนปี 2564 ปีนี้ จะรักษาอยู่ที่ 6-8% ซึ่งส่วนใหญ่ผลตอบแทนจะบวกกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะปี 2563 ที่ผลตอบแทนจากการลงทุนทำได้ราว 11.4%