EGCOจับมือกนอ.ร่วมพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง คาดเสร็จปี65

EGCOจับมือกนอ.ร่วมพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง คาดเสร็จปี65

EGCO จับมือ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย   ลงนามสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ชูจุดเด่นเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะสีเขียว (Smart & Green Industrial Estate) คาดเปิดดำเนินการในปี65

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวว่า “เอ็กโก กรุ๊ป มุ่งมั่นขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจทั้งด้านการผลิตและให้บริการด้านพลังงาน ครอบคลุมธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลัก และการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง นับเป็นหนึ่งในธุรกิจ Smart Energy Solution ที่บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะสีเขียว ที่มีความพร้อมทุกด้าน รองรับความต้องการของผู้ที่จะเข้ามาลงทุนและทำการวิจัย พร้อมทั้งพัฒนาธุรกิจร่วมกัน ตามแนวทางของนิคมอุตสาหกรรมสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทในการดำเนินธุรกิจพลังงานอย่างยั่งยืนในฐานะที่เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI)

 โครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ตั้งอยู่ที่เทศบาลเมืองมาบตาพุด ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง มีพื้นที่รวมประมาณ 621 ไร่ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่และระบบสาธารณูปโภค ประมาณ 2 ปี และสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2565 โดยมีอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักประเภท S-Curve และ New S-Curve ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซี ได้แก่ ยานยนต์แห่งอนาคต อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ การแพทย์ครบวงจร และเชื้อเพลิงชีวภาพและ              เคมีชีวภาพ เป็นต้น 

 

นายเทพรัตน์ กล่าวเสริมว่า “โครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยองได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่เดิม  ซึ่งมีความพร้อมของระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิ ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ท่อน้ำดิบ สายส่งและสถานีไฟฟ้าแรงสูง เป็นต้น รวมถึงมีศักยภาพด้านทำเลที่ตั้ง ซึ่งมีเครือข่ายเส้นทางคมนาคมที่มีศักยภาพ และ     อยู่ในบริเวณที่สามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานของอีอีซีได้ ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุน   ในขณะเดียวกัน ยังสร้างโอกาสให้บริษัทในการพัฒนาต่อยอดธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ    ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาและแบบ   ลอยน้ำ (Solar Rooftop & Floating)

นอกจากนี้ บริษัทยังมองเห็นโอกาสร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่ทำธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ ซึ่งจะเข้ามาลงทุนในนิคมฯ ในอนาคตด้วย เช่น โรงงานผลิตแบตเตอรี่หรือระบบกักเก็บพลังงาน รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์ Data Center ในพื้นที่โครงการ เป็นต้น ทั้งนี้โครงการคาดว่าจะเปิดดําเนินการได้ภายในปี 2565