เผยไทม์ไลน์ บุคลากรการแพทย์ ติดเชื้อรายที่ 6

วันนี้ (12 ธันวาคม 2563) เวลา 11.30 น. ที่ กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร   ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไปกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในและต่างประเทศ ระบุว่า ไทยพบผู้ป่วยเพิ่ม 12 ราย ใน State Quarantine รวมผู้ป่วยสะสม  4,192 ราย หายป่วยเพิ่ม 12 ราย รวมหายแล้ว  3,915 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย คงเหลือรักษาตัว 217 ราย

รายละเอียด ผู้ป่วยรายใหม่ของไทยวันนี้ ส่วนใหญ่พบเชื้อไม่มีอาการ เดินทางมาจาก "เยอรมนี 1 ราย" ชายไทย อายุ41 ปี อาชีพนักร้อง เข้าพักที่ SQ จ.ชลบุรี

"สวีเดน 1 ราย" ชาย สัญชาติสวีเดน อายุ 37 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เข้าพัก ASQ จ.สมุทรปราการ

"สหราชอาณาจักร 1 ราย" หญิงไทย นักเรียน อายุ 19 ปี เข้าพักที่ ASQ กทม.

"อินเดีย 1 ราย" ชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 35 ปี เข้าพักที่ AHQ กทม.

"คูเวต 1 ราย" ชาย สัญชาติคูเวต อายุ 40 ปี อาชีพทหาร มีโรคประจำตัวหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีประวัติป่วยโควิด-19 เดือนกันยายน 2563 เข้าพักที่ AHQ กทม.

"บาห์เรน 7 ราย" พักใน ASQ จ.ชลบุรี ได้แก่ หญิงไทย อายุ 23 ปี แม่บ้าน , หญิงไทยอายุ 33 ปี และ 35 ปี อาชีพพนักงานนวด , หญิงไทยอายุ 41 ปี อาชีพรับจ้างเลี้ยงเด็ก , หญิงไทย อายุ 31 ปี  39 ปี และ 51 ปี อาชีพ รับจ้างทั่วไป(หญิงอายุ 31 ปี มีประวัติติดเชื้อเดือนพฤศจิกายน 2563 ล่าสุด มีอาการปวดศรีษะ)

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2563 เวลา 10.00 น. ยอดผู้ติดเชื้อรวม 71,432,996 ราย อาการรุนแรง 106,663 ราย รักษาหายแล้ว 49,663,433 ราย เสียชีวิต 1,601,088 ราย

อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่  1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 16,295,458 ราย 2. อินเดีย จำนวน 9,827,026 ราย 3. บราซิล จำนวน 6,836,313 ราย 4. รัสเซีย จำนวน 2,597,711 ราย 5. ฝรั่งเศส จำนวน 2,351,372 ราย ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 151 จำนวน 4,192 ราย

• เผยไทม์ไลน์บุคลากรติดเชื้อ รายที่ 6

นพ.โสภณ กล่าวเสริมว่า ประเด็นบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อใน ASQ จากการสอบสวนโรคของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาการไม่รุนแรง อยู่ในความดูแลของแพทย์ ซึ่งมีรายที่ 6 เพิ่มเติม มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยรายแรก โดยไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายนี้ คือ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. รับประทานอาหารกับผู้ป่วยรายที่ 1 หลังจากนั้น บ่ายสามนั่งโต๊ะเดียวกันระยะห่าง 1 เมตร 4 ธ.ค. ทำ ICU ที่ รพ.เอกชน ขับมอเตอร์ไซต์ไปทำงาน

5 ธ.ค. Swab ที่ Clinic ARI ผู้ที่มารอรับการตรวจที่ Clinic ARI 5 คน ซึ่งเป็น HR ของ เคส 1, 2 ทุกคนใส่ mask จากนั้น เวลา 16.00 น. ไป supermarketใส่ mask และไม่ได้อยู่ใกล้ใคร

6 -7 ธ.ค. ผล PCR ครั้งแรกไม่พบเชื้อ รพ.ให้กักตัว ณ ที่พัก ไม่ได้ออกนอกห้องไปพบใคร จากนั้น วันที่ 8 ธ.ค. เริ่มมีไข้37.6 องศา 10.00 น. เข้ารับการรักษาส่วนเพื่อน ที่พักอยู่ด้วยกัน กักตัวอยู่ที่ รพ. BNH

"จากการตรวจผู้สัมผัส 10 ราย กับบุคลากรทางการแพทย์รายที่ 6 นี้ ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด แต่ยังจะต้องถูกติดตามอีก 14 วันต่อไป" นพ.โสภณ กล่าว 

• 7 จังหวัด ติดเชื้ออยู่ที่ 49 ราย ไม่พบลักลอบเพิ่ม

สำหรับกรณีผู้ติดเชื้อ ที่เกี่ยวข้องกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์  อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ใน 7 จังหวัด ผู้ที่ติดเชื้อยังอยู่ที่ 49 ราย ล่าสุด ยังไม่พบการลักลอบเข้ามาเพิ่มเติม แสดงว่ามาตรการมีความรัดกุม และสามารถให้คนกลับเข้ามาสู่ช่องทางปกติได้ ขณะที่ วันนี้(12 ธค.) ทางจังหวัดเชียงรายได้ร่วมกับทาง จ.ท่าขี้เหล็ก มีการจัดระบบให้กับคนไทยที่อยู่ท่าขี้เหล็กเดินทางกลับประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในช่องทางปกติซี่งมีผู้แสดงความจำนงเดินทางกลับประเทศไทยจำนวน 107 คน เป็นผู้ใหญ่ 104 คน เป็นเด็ก 3 คน

จากการประสานกันล่วงหน้ากับทางเมียนมา ซึ่งเขาได้มีการตรวจหาเชื้อก่อน ผลปรากฎว่าใน 107 ราย มีผู้ติดเชื้อจำนวน 5 ราย และทั้ง 5 รายได้ส่งไปรักษาตัวที่รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการแพร่เชื้อไปสู่ที่อื่นๆส่วนที่เหลือก็เข้าสู่การกักตัวของสถานที่กักกันตัวของรัฐ หรือ LQ ที่จังหวัดเชียงรายและมีการตรวจหาเชื้อต่อไป

ทั้งนี้ จากการตรวจหาเชื้อส่วนที่เหลือ ในสถานที่กักกัน พบผู้ติดเชื้ออีก 4 ราย ดังนั้น ในกลุ่มผู้ที่เดินทางเข้ามา 107 ราย มีผู้ติดเชื้อรวมเป็น 9 ราย ซึ่งจะมีการตรวจทานข้อมูลกับทาง จ.เชียงราย ต่อไป สำหรับผู้ไปเที่ยวในจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อโควิด ไม่ต้องถูกกักตัว ยกเว้นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง

• บิ๊กเมาน์เท่น จัดได้ แต่ให้ปลอดภัย 

นพ.โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนการจัดงานบิ๊กเมาน์เท่นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีผู้ร่วมงานจำนวนมาก ขณะนี้ในประเทศไทยไม่มีพื้นที่ที่มีสถานการณ์การระบาด ดังนั้น สามารถดำเนินการได้ แต่ก็ขอให้ผู้จัดงานมีมาตรการให้ผู้ร่วมงาน ได้แก่ 1.ให้ผู้ร่วมงานใส่หน้ากากอนามัย 2.มีจุดแจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หรือมีจุดล้างมือ 3.ให้มีการสแกนไทยชนะ และ 4.มีการแจ้งให้ข้อมูลให้ผู้ร่วมงานได้รับทราบ

สำหรับ ผู้ร่วมงาน หากอยู่พื้นที่กลางแจ้งก็ต้องใส่หน้ากากอนามัย ถ้าจะเข้าห้องน้ำที่สาธารณะ ต้องล้างมือทุกครั้ง และสแกนไทยชนะ หากมีอาการผิดปกติรีบไปพบแพทย์ ส่วนเจ้าหน้าที่ต้องคอยติดตามให้ผู้ร่วมงานดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนดไว้ เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย และเศรษฐกิจของประเทศดำเนินต่อไปได้

• ตระหนัก ไม่ตระหนก ตื่นตัว ไม่ตื่นตูม

ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม  นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ในตอนนี้ ดีกว่าเมื่อก่อนมากผู้ป่วยที่มาจากท่าขี้เหล็ก สามารถติดตามได้ทั้งหมด เมื่อมีผู้ป่วย ก็จะมีผู้สัมผัสโรค แต่ทั้งหมดเป็นการติดเนื่องจากอยู่ใกล้ชิดกันทั้งสิ้น ดังนั้น ยังไม่ใช่การระบาดใหญ่ เพราะหากดูผู้ป่วยที่รายงานในแต่ละวัน ล้วนแล้วแต่พบในสถานกักกัน และประสิทธิภาพการควบคุมของเราดีพอ ตอนนี้เริ่มจะสงบ ปัจจัยสำคัญ คือ การตรวจพบผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนให้ความร่วมมือ แม้การใส่หน้ากากอนามัยจะลดลงบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สูง

"กลไกสำคัญ คือ ตระหนัก แต่ไม่ตระหนก ตื่นตัวแต่ไม่ตื่นตูม รับข่าวสารจากช่องทางที่เชื่อถือได้ ย้ำว่าไม่มีทางปิดข่าวได้แน่นอน พร้อมช่วยหันสอดส่องผู้ที่เข้ามาจากชายแดนหรือมีประวัติ หากคัดกรองตั้งแต่ต้นทาง การระบาดจะไม่เกิดขึ้น หากไปพื้นที่เสี่ยง ให้สังเกตอาการ หากไม่สบายให้ไปตรวจ ไม่ปกปิดข้อมูล เพราะจะทำให้วินิจฉัยโรคได้ช้า รวมถึงสแกนไทยนะ เพื่อติดตามได้ง่ายขึ้น" ผศ.นพ.กำธร กล่าว