‘คาลเท็กซ์’ เปิดแผนธุรกิจปี 64 รุกขยายปั๊มน้ำมัน-นำร่องสถานชาร์จ EV

‘คาลเท็กซ์’ เปิดแผนธุรกิจปี 64 รุกขยายปั๊มน้ำมัน-นำร่องสถานชาร์จ EV

‘คาลเท็กซ์’ รุกขยายปั๊มแตะ 500 แห่งตามเป้าสิ้นปี 64 ภายใต้งบ 4 ปี วงเงิน 6,000 ล้านบาท ทยอยปรับโฉมอีกปีละ 50 แห่ง ดึงลูกค้า มั่นใจ ยอดขายน้ำมันปี 64 โตต่อเนื่อง ผนึก “อีเอ” ขยายปั๊มชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

บริษัทเชฟรอน (ไทย) จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2479 โดยให้บริการน้ำมันคุณภาพภายใต้ตรา “คาลเท็กซ์” และได้ขยายการลงทุนมาต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมันกระจายทั่วประเทศ และคลังน้ำมัน 3 แห่ง ซึ่งจำหน่ายน้ำมันครอบคลุมทั้งเบนซิน ดีเซล แก๊สโซฮอล์ น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ รวมถึงน้ำมันหล่อลื่นสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล เครื่องยนต์เบนซิน และน้ำมันหล่อลื่นสำหรับอุตสาหกรรม

นางอลิซ พอตเตอร์ ประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์” เปิดเผยว่า บริษัท ยังเดินหน้าขยายการลงทุนสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) คาลเท็กซ์ในประเทศให้ครบตามเป้าหมาย 500 แห่งภายในสิ้นปี 2564 ภายใต้งบประมาณต่อเนื่องระหว่างปี 2561-2564 วงเงินประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ จากสิ้นปี 2563 จะมีสถานีบริการอยู่ที่กว่า 400 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงจะเดินหน้าปรับปรุงสถานีบริการเก่าให้เป็นโฉมใหม่ (Smart design) ปีละ 50 แห่ง เพื่อเป็นการดึงดูดผู้บริโภคที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่เน้นความสะดวก ทันสมัย สามารถใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) บริษัท ก็ให้ความสำคัญมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็จับมือกับพันธมิตร เช่น ร้านไก่ทอด KFC, กาแฟสตาร์บัค และกาแฟเอสเพรสโซ่ (Espresso) เข้ามาเปิดสาขาให้บริการในปั๊มน้ำมัน โดยได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมา 

อีกทั้งในปี 2563 ได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นร้านค้ารายเล็ก หรือ Local Brand มากขึ้น เช่น ร้านกาแฟชาวดอย ร้านส้มตำจัดจ้าน ร้านมุมกะเพรา เป็นต้น เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับปั๊มน้ำมันในแต่ละพื้นที่และจะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง

รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นคอมมูนี่ตี้มอลล์ ซึ่งเตรียมเปิดปั๊มในโครงการ JAS green village คู้บอน ซึ่งบริการที่ครอบคลุมทั้งธุรกิจน้ำมัน และ Non-Oil จะเป็นจุดแข็งที่ทำให้ปั๊ม คาลเท็กซ์ แตกต่างจากคู่ค้ารายอื่น และเป็นทางเลือกที่สำคัญของผู้บริโภคยุคใหม่

“เรามั่นใจว่า ในปีหน้า จะบริหารจัดการยอดขายให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าโควิด-19 จะทำให้คาดการณ์การเติบโตได้ยาก แต่จากปั๊มที่มีอยู่และจะขายเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้วอลุ่มและมาร์เก็ตแชร์โตขึ้นแน่”

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลประกอบการของบริษัท ในปี 2563 คาดว่าจะยังเติบโตมากกว่า 1% ซึ่งถือเป็นระดับที่น่าพอใจ เมื่อดูจากข้อมูลของกรมธุรกิจพลังงาน ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ที่พบว่า ยอดการใช้น้ำมันภาพรวมของประเทศลดลงประมาณ 13% จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยบริษัท ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เล็กน้อยเท่านั้น 

แต่ในส่วนที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 คือ "น้ำมันอากาศยาน" ก็ยอมรับว่าเป็นไปตามสภาพธุรกิจที่ได้รับผลกระทบในวงกว้างจากการหยุดทำการบินของสายการบินต่างๆ ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 หากมีการค้นพบวัคซีนและการระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง ก็น่าจะส่งผลให้ยอดการใช้น้ำมันกลับมาฟื้นตัวเป็นปกติได้ แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่

บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นขยายการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากคาลเท็กซ์ โดยเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศที่มีการเติบโตต่อเนื่องทั้งอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ความต้องการใช้น้ำมัน และเป็นตลาดขยายใหญ่ 

อีกทั้งการที่บริษัท ได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ โรงกลั่น SPRC ในสดส่วนประมาณ 60% ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะเอื้อต่อการขยายธุรกิจให้เติบโตต่อไป

ส่วนการแข่งขันในธุรกิจน้ำมันปีหน้า ประเมินว่า ยังมีการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น แต่บริษัทเชื่อมั่นในคุณภาพน้ำมันที่ดีและรูปโฉมใหม่ของปั๊ม จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเข้ามาใช้บริการ โดยปัจจุบัน บริษัท มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการค้าปลีก การอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ อยู่ที่ประมาณ 6.1% ซึ่งในส่วนของสถานีบริการน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม หรือ มียอดขายสูงสุด ยังคงเป็น ดีเซล (B7) 

ขณะเดียวกันจะเดินหน้าขยายหัวจ่ายน้ำมัน คาลเท็กซ์ พาวเวอร์ ดีเซล ที่เป็นน้ำมันเกรดพรีเมียม ต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 147 แห่ง หรือ คิดเป็น 40% ของจำนวนปั๊มที่มีอยู่

นอกจากนี้ บริษัท ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปและกระทบต่อธุรกิจน้ำมันในอนาคต โดยได้ร่วมมือกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ทดสอบติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า หรือ EV Charging Station ในปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ประมาณ 10 แห่ง และสิ้นปีนี้จะไม่เกิน 20 แห่ง เพื่อประเมินความต้องการของตลาดก่อนพิจารณาขยายการลงทุนติดตั้งเพิ่มเติมในอนาคต

อีกทั้ง ยังอยู่ระหว่างจัดทำโครงการติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ในปั๊มน้ำมัน เพื่อประเมินความคุ้มค่าในการลงทุน ก่อนตัดสินใจว่าจะเกิดประโยชน์ต่อการขยายการลงทุนในอนาคตหรือไม่

สำหรับงบประมาณการลงทุนของบริษัท ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป หลังจบแผนลงทุน 4 ปี ภายในปี2564 นั้น ยังจะต้องประเมินทิศทางธุรกิจในภาพรวมอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ยังต่ำกว่าระดับที่เอื้อต่อการลงทุนของธุรกิจน้ำมัน ที่ประเมินว่า ควรอยู่ในระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

ขณะเดียวกันการเดินหน้าธุรกิจของบริษัท ยังคาดหวังที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สะอาด หรือ คลีนเนอร์ มากขึ้น เพื่อลดปัญหาโลกร้อน และเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์มากขึ้น เช่น การพัฒนาน้ำมันเครื่องเดโล่ ที่ลดการปล่อยมลภาวะหรือ ลดการเผาไหม้ลงได้ถึง 50% เป็นต้น