'คนละครึ่ง' สรุปคืบหน้า 7 ข้อ ใช้สิทธิต่อต้องรู้-รอลงทะเบียนต้องเช็ค

'คนละครึ่ง' สรุปคืบหน้า 7 ข้อ ใช้สิทธิต่อต้องรู้-รอลงทะเบียนต้องเช็ค

ติดตามอัพเดท "โครงการคนละครึ่ง" สรุปคืบหน้า 7 ข้อ คนใช้สิทธิต่อต้องรู้-คนรอลงทะเบียนต้องเช็ค

กระแสความสนใจของประชาชน (24 พ.ย.) ยังคงติดตามความคืบหน้า "โครงการคนละครึ่ง" ซึ่งกระทรวงการคลัง ภายใต้การนำของ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ กฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้กล่าวในงานสัมมนา "Wealt Forum ลงทุนอย่างไร...ให้รวย" จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ วานนี้

สรุปได้ 7 ข้อ ดังนี้

1. กระทรวงการคลัง พิจารณาโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 ทั้งวงเงินงบประมาณ และสิทธิ์ผู้ที่จะได้รับ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนให้ได้มากที่สุด

2. ผู้ที่ได้รับสิทธิเดิม อาจไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ เพราะกระทรวงการคลังมีฐานข้อมูลอยู่แล้ว ซึ่งจะง่ายต่อการใช้สิทธิต่อเนื่อง

3.ให้ธนาคารกรุงไทย ดูยอดลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งที่ผ่านมา ใช้ประเมินสิทธิที่จะให้ในเฟส 2 เพิ่มเติม

4. หากมีการเพิ่มวงเงินการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โครงการคนละครึ่ง เฟส 2 มากกว่าเฟสแรก จะมีการเพิ่มวงเงินหรือท็อปอัพให้คนที่ได้คนละครึ่งเฟสแรกอัตโนมัติ

5. พิจารณาขยายระยะเวลาการใช้จ่ายให้ยาวมากขึ้น ซึ่งอาจยาวไปถึงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า

6. อาจจะเพิ่มเป็น 14-15 ล้านคน ซึ่งสิทธิที่จะขยายให้กรุงไทยไปเซอเวย์แล้ว ว่าคนเข้ามาลงทะเบียนที่ผ่านมามีมากน้อยแค่ไหน

7. คาดว่าจะสามารถสรุปและเสนอ คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) ต้นเดือนธันวาคม 2563 ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

\'คนละครึ่ง\' สรุปคืบหน้า 7 ข้อ ใช้สิทธิต่อต้องรู้-รอลงทะเบียนต้องเช็ค

ทั้งนี้ นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุยอดการใช้จ่ายภายใต้โครงการคนละครึ่ง เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2563 มูลค่าการใช้จ่ายรวม 23,023 ล้านบาท การใช้จ่ายรวมดังกล่าวเป็นส่วนของประชาชนใช้จ่ายเองกว่า 11,747 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51 และรัฐสมทบกว่า 11,275 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 49 ส่วนร้านค้าลงทะเบียนแล้วกว่า 782,000 ร้านค้า 

เช็คกระแส "คนละครึ่ง"

โครงการคนละครึ่งของรัฐบาล ส่งผลให้เม็ดเงินกระจายสู่ประชาชนและร้านค้าชุมชนต่างๆ รวมถึงหาบเร่ แผงลอยที่เข้าร่วมโครงการ มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งจังหวัดตรังมีการใช้จ่ายกว่า 400 ล้านบาท อันดับ 2 ของเมืองรอง อันดับ 10 ของประเทศ

ว่าที่ร้อยเอกปิยะเกียรติ ลิ้มประยูรวงศ์ คลังจังหวัดตรัง กล่าวว่า โครงการคนละครึ่ง เป็นมาตรการหนึ่งที่ออกโครงการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19 )ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งนั้นทางรัฐบาลจะออกให้ผู้ได้รับสิทธิ 3 พันบาท และประชาชนที่ได้รับสิทธิออก 3 พันบาท รวมแล้ว 6 พันบาท เพื่อนำเงินไปซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค ตามร้านค้า แผงลอย ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ในส่วนของประชาชนที่ได้รับสิทธิจะสามารถใช้ได้วันละ 150 บาท จนกว่าจะครบ 3 พันบาทตามที่ระยะเวลากำหนด และตั้งแต่โครงการคนละครึ่งเริ่มขึ้นนั้น ประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจังหวัดตรัง มีการใช้จ่ายในการซื้อสินค้าไปแล้ว 474.9 ล้านบาท เป็นอัน 2 ของเมืองรอง อันดับ 10 ของประเทศ ซึ่งโครงการคนละครึ่งสามารถช่วยเหลือประชาชน และร้านค้าขนาดเล็ก ให้สามารถอยู่ได้ เนื่องจากเม็ดเงินกระจายสู่รากหญ้าได้จริง

ทั้งนี้ สำหรับที่สำนักงานคลังจังหวัดตรัง ได้มีบรรดา พ่อค้า แม่ค้า ร้านโชห่วย ร้านแผงลอยมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่ายังมีโครงการเฟสต่อไปอีก เนื่องจากทางธนาคารกรุงไทยขอใช้สถานที่เปิดรับลงทะเบียนสำหรับผู้ตกหล่น สามารถมาลงทะเบียนได้ที่สำนักงานคลังจังหวัดตรัง ขณะนี้ที่จังหวัดตรังมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการแล้ว 9,818 ร้านค้า และขอฝากเตือนร้านค้า หรือประชาชนที่เข้าร่วมโครงการและได้รับสิทธิ์ อย่ากระทำการทุจริต ขอให้ซื่อสัตย์ในการค้าขายและการซื้อสินค้า