นักท่องเที่ยวSTVจากจีน 2 กลุ่มเกือบ200คนครบกักตัวไม่ติดโควิด-19

นักท่องเที่ยวSTVจากจีน 2 กลุ่มเกือบ200คนครบกักตัวไม่ติดโควิด-19

สธ.เผยนักท่องเที่ยวSTVจากจีน 2 กลุ่มแรก 177 คน ครบระยะกักตัว 14 วันแล้ว  ไม่พบผู้ติดโควิด-19 ย้ำไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ เริ่มกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ-เสี่ยงใกล้เคียงไทย มีมาตรการรองรับในการป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้น


          จากกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบแนวทางการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาพำนักในประเทศไทยในระยะยาวได้แบบจำกัดจำนวน โดยต้องเป็นนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ หรือสเปเชียล ทัวริสต์ วีซ่า (เอสทีวี:STV) ตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้ในรูปแบบ Long Stay โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ไปจนถึง 30 กันยายนปี 2564 และมีการเดินทางเข้ามาแล้วนั้น
         ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่ม long stay เข้ามาบ้างแล้วแต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อจากกลุ่มนี้ โดยกลุ่มแรกเดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 จำนวน 39 ราย ครบระยะเวลากักตัวส 14 วันแล้วเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563  ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ กลุ่มที่ 2 เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2563 จำนวน 138 ราย ครบระยะเวลากักตัวเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเช่นเดียวกัน ส่วนกลุ่มที่ 3 เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563 จำนวo 84 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 โดยจะครบระยะเวลากักตัวในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563
     นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะเริ่มในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือความเสี่ยงใกล้เคียงกับประเทศไทย โดยมีมาตรการรองรับในการป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ก่อนการเดินทาง จะต้องมีใบรับรองตรวจไม่พบเชื้อโควิดก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง ระหว่างเดินทาง ทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน และเมื่อเดินทางมาถึง จะมีระบบคัดกรอง ระบบกักกัน ตรวจหาเชื้อเป็นระยะตามมาตรฐาน เพื่อให้พบผู้ที่อาจติดเชื้อโดยเร็วที่สุด รวมถึงมีระบบติดตามขณะที่อยู่ในประเทศ เพื่อให้เกิดความปลอดสูงสุดสำหรับคนในประเทศ อีกประการสำคัญคือ นักท่องเที่ยวทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ได้แก่ หน้ากากอนามัย/ หน้ากากผ้า เว้นระยะห่าง ตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย

       สถานการณ์ในประเทศไทย ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ขณะนี้ยังคงเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ดังนั้นประเทศไทยจึงมีโอกาสพบผู้ติดเชื้อในประเทศได้  เนื่องจากอาจมีผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการปะปนอยู่ในสังคม อย่างเช่นกรณีชายชาวอินเดีย ที่พบในจังหวัดกระบี่ ต้องขอขอบคุณประชาชน โดยเฉพาะชาวกระบี่ที่ไม่ตื่นตระหนกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และยังให้ความสำคัญกับการป้องกันการแพร่ระบาดตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นวินัยที่ประชาชนควรปฏิบัติต่อเนื่อง ไม่ประมาทการ์ดอย่าตก ตามวิถี New Normal นอกจากนี้ขอให้ทุกคนสังเกตตนเองหากพบว่ามีอาการป่วย ไข้ ไอ อาการระบบทางเดินหายใจ การรับรสและกลิ่นลดลง ให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที

     รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ทุกรายเป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ เข้ากักตัวในโรงพยาบาลทางเลือก มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 7 ราย ทำให้ผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,661 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.94 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 119 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 3.1 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 60 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,840 ราย โดยรายละเอียดผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ ได้แก่

    ชาวต่างชาติ 3 ราย เป็นชาวต่างชาติ ที่เดินทางมารักษาด้วยโรคอื่น เข้ากักตัวในโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) มาจากประเทศเอธิโอเปีย 2 ราย (เป็นผู้ป่วยรักษาโรคสูตินรีเวช 1 ราย, ผู้ติดตาม 1 ราย) พบเชื้อ ไม่แสดงอาการ และจากโอมาน 1 ราย (เป็นผู้ติดตามผู้ป่วย) พบเชื้อ มีน้ำมูก

 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวSTVกลุ่มแรกที่เข้ามาเที่ยวไทยในวันที่ 20 ตุลาคม 2563 เป็นนักท่องเที่ยวจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน จำนวน 39 คน และกลุ่มที่ 2 มาจากเมืองกวางโจว ประเทศจีนเช่นเดียวกัน