เตือนการใช้ยาทาที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์ ควรอยู่ในดุลพินิจของแพทย์

เตือนการใช้ยาทาที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์ ควรอยู่ในดุลพินิจของแพทย์

แพทย์เตือนการใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ มีทั้งประโยชน์ที่ช่วยในการรักษาโรคและเป็นยาที่มีผลเสียแก่ผู้ป่วยหากใช้ผิดวิธี ควรอยู่ในดุลพินิจของแพทย์

นายแพทย์สมศักดิ์  อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยว่า สเตียรอยด์เป็นสารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย  หากแต่จะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับสภาพของร่างกาย โดยปกติร่างกายมีการสร้างสารสเตียรอยด์ตามธรรมชาติอยู่แล้ว สารสเตียรอยด์ที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาตินี้  มีหน้าที่ปรับสมดุลในร่างกายให้สามารถดำรงอยู่   เมื่อมีโรคเกิดขึ้นร่างกายจะผลิตสารสเตียรอยด์เพิ่มขึ้นเพื่อจัดการทำให้สมดุลในร่างกายกลับมาปกติให้ได้
ดังนั้น จึงมีการผลิตยาสังเคราะห์ที่มีคุณลักษณะเหมือนสเตียรอยด์ขึ้นมาเพื่อนำมาใช้ในการรักษาโรค  ทั้งนี้  รูปแบบของยามีทั้งรูปแบบรับประทาน ยาฉีดและยาที่ใช้กับผิวหนังและเยื่อบุร่างกาย ซึ่งยาดังกล่าวมีทั้งประโยชน์ที่ช่วยในการรักษาโรคและเป็นยาที่มีผลเสียแก่ผู้ป่วยหากใช้ผิดวิธี
         
เตือนการใช้ยาทาที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์ ควรอยู่ในดุลพินิจของแพทย์           
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์  ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า  ยาสเตียรอยด์ที่ใช้กับผิวหนังและเยื่อบุส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบยาทา ทั้งที่เป็นของเหลว (Lotion), ครีม (Cream) และขี้ผึ้ง (Ointment) โดยการเลือกใช้ยาพิจารณาจากขนาดและความหนาของรอยโรค ตำแหน่งที่ทาและการเข้าถึงรอยโรคของยา ฯลฯ
นอกจากนี้ ยาทาสเตียรอยด์ยังมีหลายสูตรทางเคมี ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติและความเข้มข้นที่แตกต่างกัน ปัจจัยเหล่านี้มีความสำคัญในการเลือกใช้ยาให้ถูกกับรอยโรค การใช้ยาทาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบของผิวหนัง  มักใช้กับการอักเสบทั่วไป แต่ไม่ได้ใช้เพื่อลดอาการอักเสบจากการติดเชื้อ เนื่องจากยาสเตียรอยด์อาจทำให้การติดเชื้อแย่ลงและลุกลามมากยิ่งขึ้น การทายาสเตียรอยด์ในบริเวณกว้างอาจทำให้ร่างกายดูดซึมยามากและทำให้มีผลต่อระบบในร่างกาย  เช่น ตัวบวม  ระบบสเตียรอยด์ในร่างกายผิดปกติ ทำให้ภูมิต้านทานตามธรรมชาติลดลงได้  ส่วนการทายา  สเตียรอยด์เป็นเวลานานจะเกิดผลข้างเคียง ได้แก่ ผิวเปราะบางฝ่อ, ผิวขาวซีด, มีการขยายตัวของเส้นเลือดในชั้นผิวหนังแท้ด้านบน ซึ่งทำให้มีโอกาสระคายเคืองได้ และยังสามารถติดเชื้อง่ายขึ้น  อีกทั้งมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังบริเวณที่ทายามาเป็นเวลานานอีกด้วย
         

ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ยาทาสเตียรอยด์ถึงแม้จะเป็นยาที่ดีในการลดการอักเสบของผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว แต่การเลือกใช้ให้ถูกรอยโรค และเหมาะสมกับตำแหน่งที่ทา รวมถึงปริมาณและความเข้มข้นที่ควรใช้กับโรคนั้นๆ ควรอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผิวหนัง เพื่อความปลอดภัย และประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วย ส่วนยารับประทาน (รวมถึงยาหม้อ, ยาสมุนไพร และยาลูกกลอน) ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์จะมีผลกับร่างกายโดยตรง และผลเสียของสเตียรอยด์จะเกิดขึ้นเร็วและรุนแรง ยากต่อการรักษาให้กลับคืน และมีผลต่อร่างกายในระยะยาว ดังนั้น การเลือกใช้ยากลุ่มที่มีสเตียรอยด์จึงควรให้เป็นหน้าที่ของแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยได้