ต่างชาติพลิกซื้อหุ้นไทยปี 64 'เฟทโก้' ชี้รับจีดีพีโลกฟื้น-โบรกอัพกำไรบจ.

          นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยว่า คาดว่านักลงทุนต่างชาติคงขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องในปีนี้ เพราะนักลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี หุ้นที่เกี่ยวกับการแพทย์ วัคซีน ซึ่งตลาดหุ้นไทยแทบจะไม่มีหุ้นดังกล่าวเลย ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่มีการเติบโตตามวงจรเศรษฐกิจ จึงทำให้ต่างชาติขายต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันขายไปแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท

          อย่างไรก็ตามคาดว่าปีหน้าเม็ดเงินต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัว ทำให้นักลงทุนจะจัดสรรเงินลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตตามวงจรเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้หุ้นไทยได้รับอานิสงส์ และปัจจุบันนักวิเคราะห์ต่างๆเริ่มมีการปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ในปีหน้าเพิ่มขึ้น หลังจากที่ผ่านมาปรับประมาณการลดลง

        “หุ้นไทยปีนี้ปรับตัวลดลงมากสุดในเอเชีย และต่างชาติขายหุ้นไทยมากสุดเช่นกัน เพราะปีนี้นักลงทุนให้ความสนใจลงทุนหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นที่เกี่ยวกับนิวนอร์มอล จึงทำให้นักลงทุนขายต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันมองว่าดัชนีที่ระดับ 1,200 จุด เป็นแนวรับที่แข็งแรง และสะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว ปีหน้าเราจะดีขึ้น เพราะจะได้รับผลดีจากเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้น ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนหุ้นที่มีการเติบโตตามเศรษฐกิจ ซึ่งตลาดหุ้นไทยมีหุ้นประเภทจำนวนมาก"

          นายสมชัย อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน และลูกค้าสัมพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด กล่าวว่า ในช่วงนี้กระแสเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลด์) น่าจะผันผวนและเป็นทิศทางไหลออก เนื่องจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่อาจจะมีการฟ้องร้อง ซึ่งยังต้องรอจนกว่าจะชัดเจนไปอีกจนถึงกลางเดือนธ.ค.นี้ หรือราว 1 เดือนข้างหน้า

         สำหรับปีหน้าคาดว่าเม็ดเงินต่างชาติจะกลับมา ด้วยปัจจัยพื้นฐานของการฟื้นตัวดีทั้งภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกและเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดและค่อยๆฟื้นตัว รวมถึงคาดการณ์รายได้บริษัทจดทะเบียนเติบโต 20% ถือว่าสูงเมื่อเทียบฐานต่ำในปีนี้ และหวังว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศสามารถเจรจาหาทางออกที่ดีร่วมกันได้สำหรับมุมมองการลงทุนหลังจากนี้

          นอกจากนี้ไม่ว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐจะเป็นอย่างไร เชื่อว่ารัฐบาลในหลายประเทศยังต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบและในภาวะดอกเบี้ยยังต่ำอีกนาน ทำให้การลงทุนหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจอยู่ที่ว่าจะเลือกลงทุนในตลาดไหน 

      นายพรชัย​ ฐีระเวช​ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน​ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค. )​เปิดเผยว่าโครงการช้อปดีมีคืนกำหนดให้ประชาชนสามารถนำรายจ่ายที่ซื้อสินค้าและบริการมาหักลดหย่อนได้ไม่เกิน​ 3 หมื่นบาทต่อราย​ ซึ่งค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้นก็ถือเป็นบริการประเภทหนึ่งที่นำมาใช้สิทธิได้  แต่ต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ​จึงจะ​อยู่ในเงื่อนไขที่กำหนด​

     นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า บริษัทเริ่มมีการโปรโมทให้ลูกค้าทราบว่า ค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นสามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีในโครงการช้อปดีมีคืนได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดีกับนักลงทุนที่มีการซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ แต่ด้วยบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยขณะนี้ ที่ยังมองไม่เห็นปัจจัยบวกเข้ามาหนุนให้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้ จึงคาดว่าจะไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายมากนัก แต่หากทิศทางตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นเชื่อว่าจะนักลงทุนจะเข้ามาลงทุนมากขึ้นเช่นกัน