กทพ.ชง ครม.สัญจร 2 - 3 พ.ย.นี้ ดันสร้างทางด่วนกะทู้ - ป่าตอง

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการทางพิเศษ(ทางด่วน) สายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท โดยระบุว่า กทพ. อยู่ระหว่างจัดเตรียมข้อมูลแผนงานรายละเอียดการดำเนินโครงการ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะเสนอให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ก่อนจะนำรายงานโครงการดังกล่าวเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) รับทราบ ซึ่งจะมีการประชุม ในวันที่ 2-3 พ.ย.2563 ที่จังหวัดภูเก็ต อย่างไรก็ตาม ในโอกาสนี้ กทพ.จะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงตรวจเยี่ยมพื้นที่จริงที่จะใช้ก่อสร้างโครงการด้วย

นายสุรเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันโครงการไม่ติดปัญหาอะไรแล้ว ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่ที่แนวเส้นทางตัดผ่านพื้นที่ป่า 3 แห่ง และพื้นที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) 1 แห่ง เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวจะใช้ในการก่อสร้างอุโมงค์ระยะทาง 1.85 กม. โดยจะใช้พื้นที่ป่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเสนอโครงการให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาอนุมัติได้ในเดือน ก.พ.2564หลังจากนั้นจะสามารถเปิดคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ได้กลางปี 2564 และได้ผู้ชนะการประมูล พร้อมเริ่มก่อสร้างประมาณกลางปี 2565 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปี แล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ประมาณปี 2569

สำหรับผลการประเมินโครงการดังกล่าว พบว่าปริมาณการจราจรในปีแรกที่เปิดให้บริการจะมีรถใช้บริการประมาณ 60,000 คันต่อวัน แบ่งเป็น รถจักรยานยนต์ 30,000 คัน และรถยนต์ 30,000 คัน จากปริมาณการจราจรเฉลี่ยในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 60,000 คันต่อวัน สำหรับอัตราค่าผ่านทาง มีดังนี้ รถจักรยานยนต์ ราคา 15 บาท รถยนต์ขนาด 4 ล้อราคา 40 บาท รถยนต์ขนาด 6-10 ล้อราคา 85 บาท และรถยนต์ที่มีขนาดตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไปราคา 125 บาท

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ กทพ. ได้รายงานความคืบหน้าโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือช่วงทดแทน N1 โดยได้ทำหนังสือรายงานให้กระทรวงคมนาคมทราบ ถึงผลการหารือร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เกี่ยวกับการใช้พื้นที่หน้ามหาวิทยาลัยในการดำเนินโครงการดังกล่าว เบื้องต้นทาง ม.เกษตรฯ ยังคงยืนยันไม่เห็นด้วยกับการสร้างทางด่วนผ่านหน้ามหาวิทยาลัย

ขณะเดียวกัน กทพ.ยังยืนยันถึงความจำเป็นในการพัฒนาโครงการทางด่วนสายดังกล่าว เพื่อลดปริมาณการจราจรติดขัด อีกทั้งเป็นการเชื่อมต่อดครงข่ายทางด่วนจากฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร จึงจำเป็นต้องขอเปลี่ยนแปลงมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.) โดยจะขอดำเนินโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 หรือทางด่วนบนถนนเกษตร - นวมินทร์ เชื่อมต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันออกเป็นส่วนแรก

“การทางฯ จะเสนอปรับแผนเป็นสร้างช่วง N2 บนถนนเกษตร – นวมินทร์ ไปก่อนโดยไม่ต้องรอ N1 ที่จะมีบางช่วงผ่านหน้า ม.เกษตร เพราะคงต้องใช้เวลาอีกนานในการหาแนวทางว่าจะใช้รูปแบบใด ขณะที่โครงการ N2 มีความพร้อมที่จะสามารถเปิดประมูลได้ในต้นปี 2564 แล้ว หากต้องให้รอสร้างพร้อมกับโครงการ N1 ตามมติ คจร. เดิมจะยิ่งทำให้การก่อสร้างโครงการ N2 ล่าช้าออกไป ซึ่งเวลานี้ต้องรอการพิจารณาจากกระทรวงคมนาคมก่อนเสนอให้ คจร. พิจารณา”