จัดพอร์ต Megatrends ไม่ต้องเก(ร็)งผลเลือกตั้งสหรัฐ

จัดพอร์ต Megatrends ไม่ต้องเก(ร็)งผลเลือกตั้งสหรัฐ

การเก็งผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอาจไม่เอื้อประโยชน์ต่อการจัดพอร์ตนัก โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐ ดังนั้นการจัดพอร์ตแบบ Megatrends เช่น Digital Health, Biotechnology E-commerce, Education Technology และ Cloud Computing ยังคงเป็นคำตอบที่ดี

หุ้นกลุ่ม Megatrends ที่เราแนะนำมาโดยตลอด ยังคงได้รับความสนใจและปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง คำถามที่พบได้บ่อยในช่วงนี้คือ หุ้นกลุ่มนี้แพงไปหรือยัง ยังสามารถลงทุนได้หรือไม่ แล้วตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 นั้น เป็นอีกปัจจัยที่ตลาดการลงทุนให้ความสำคัญ ยิ่งใกล้ถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเท่าไหร่ เราจะได้เห็นการเก็งผลการเลือกตั้ง ผลโพลต่างๆ รวมถึงการเปรียบเทียบนโยบายของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแต่ละท่านถึงจุดเด่นจุดด้อย และนโยบายของใครจะหนุนภาพเศรษฐกิจและการลงทุนได้มากกว่ากัน

ซึ่งจากผลสำรวจของ RealClearPolitics ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2563 พบว่าโจ ไบเดน ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต มีคะแนนความนิยมมากกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันถึง 7.6 จุด นับว่าคะแนนนิยมของโจ ไบเดนค่อนข้างทิ้งห่างจากทรัมป์พอสมควร

โจ ไบเดน เน้นชูนโยบาย Buy Americans โดยจะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวจากวิกฤติ COVID-19 และเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้ข้อกำหนดว่าอุปกรณ์ เครื่องมือ วัตถุดิบทั้งหมดต้องซื้อภายในประเทศ

อย่างไรก็ตามโจ ไบเดน ยังมีนโยบายด้านภาษีที่ไม่ค่อยสนับสนุนภาคธุรกิจเท่าใดนัก เช่น การปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลจาก 21% เป็น 28% การยกเลิก Tax Cuts and Jobs Act (TCJA) ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำหนดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดไว้ที่ 37% เป็นอัตรา 39.6% ซึ่งเป็นอัตราเดิมก่อนที่ทรัมป์จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี

ในส่วนของนโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศ โจ ไบเดน มีท่าทีประนีประนอมมากกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ โดยไบเดนมีนโยบายให้สหรัฐ กลับเข้าสู่การเจรจา โดยจะมีการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรเพื่อร่วมเจรจาต่อรองทางการค้ากับจีน แทนที่จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างเดียวแบบที่ทรัมป์ดำเนินการมาโดยตลอด

นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์ถึงกลุ่มหุ้นว่าหุ้นกลุ่มใดจะได้ประโยชน์หากไบเดนชนะการเลือกตั้ง หรือหากเป็นโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นหุ้นกลุ่มใดที่ได้ประโยชน์ โดยมีการคาดการณ์ว่าหากไบเดนชนะ จะส่งผลบวกต่อกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่ม Healthcare แต่ในขณะเดียวกันจะส่งผลลบต่อกลุ่มการเงิน และกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ตาม แม้ผลสำรวจคะแนนความนิยมของ โจ ไบเดน จะสูงกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไบเดน จะชนะการเลือกตั้งอย่างแน่นอน สังเกตได้ว่าในช่วงหลายปีมานี้ ผลโหวตที่แท้จริง ไม่ได้ตรงกับผลสำรวจเท่าใดนัก เช่น การเลือกตั้งครั้งก่อนที่ นางฮิลารี คลินตัน มีคะแนนนิยมนำห่างจาก โดนัลด์ ทรัมป์ แต่กลับแพ้การเลือกตั้งในที่สุด หรือแม้กระทั่งผลโพลในช่วง Brexit กับผลโหวตที่แท้จริงก็ถือว่าพลิกล็อคถล่มทลาย

ดังนั้น การเก็งผลเลือกตั้งอาจไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อการจัดพอร์ตเท่าใดนัก โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในสหรัฐยังค่อนข้างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้จำนวนประชาชนที่เดินทางออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งน้อยลงกว่าการเลือกตั้งครั้งอื่นๆ

ดังนั้นการจัดพอร์ตแบบ Megatrends ยังคงเป็นคำตอบที่ดีในสถานการณ์เช่นนี้ หรืออาจกล่าวได้ว่าในทุกสถานการณ์ หุ้นกลุ่ม Megatrends ยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าประทับใจ เนื่องจากการลงทุนใน Megatrends เป็นการลงทุนในกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะมีอัตราเติบโตสูงในอนาคต และมีความแข็งแกร่งทนทานในทุกสถานการณ์

โดยกลุ่ม Megatrends ที่เราเคยแนะนำ เช่น Digital Health, Biotechnology, E-commerce, Education Technology และ Cloud Computing มีผลประกอบการโดยรวมที่บ่งชี้ถึงอัตราการเติบโตที่ดี

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือผลประกอบการในไตรมาส 2/2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ COVID-19 กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมหดตัวอย่างรุนแรง แต่หุ้นในกลุ่ม Megatrends กลับมีผลประกอบการที่ขยายตัวโดดเด่น เช่น Teladoc ในกลุ่ม Digital Health มีอัตราการขยายตัวของรายได้ในไตรมาส 2/2563 ถึง 85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว Vertex Pharmaceuticals ในกลุ่ม Biotechnology มีรายได้ไตรมาส 2/2563 เติบโต 62% จากปีที่แล้ว Shopify ในกลุ่ม E-Commerce มีรายได้ไตรมาส 2/2563 เติบโต 97% Chegg ในกลุ่ม Education Technology มีรายได้เติบโต 67% และ Twilio ในกลุ่ม Cloud Computing มีรายได้เติบโต 46%

ชัดเจนแล้วว่า หุ้นกลุ่ม Megatrends สามารถรับมือได้กับทุกสถานการณ์ และไม่ต้องใช้เวลาไปกับการลุ้นผลการเลือกตั้ง แค่ใช้เวลาในการทยอยสะสมหุ้นกลุ่มนี้เข้าพอร์ตการลงทุนก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตได้อย่างงดงาม

หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ [email protected] I บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPTTM Wealth Manager