‘น้อมรำลึกพระมารดาแห่งไหมไทย’ ครบรอบ16 ปี กรมหม่อนไหม

"กรมหม่อนไหม" ครบรอบ 16 ปี จัดงานวันคล้ายวันสถาปนา 4 ธันวาคม 68 ภายใต้แนวคิด“น้อมรำลึกพระมารดาแห่งไหมไทย” มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เสริมสร้างความมั่นคง ในอาชีพเกษตรกรรม
นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม เนื่องในโอกาสครบรอบ 16 ปี ซึ่งจัดงานภายใต้แนวคิด “น้อมรำลึกพระมารดาแห่งไหมไทย” เพื่อน้อมสำนึกในพระ มหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ซึ่งตลอดระยะเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมา กรมหม่อนไหมได้ดำเนินงานภายใต้ภารกิจสำคัญเพื่อทำให้เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมีอาชีพ และรายได้ที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ 20 ปี และนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เสริมสร้างความมั่นคง ในอาชีพเกษตรกรรม โดยใช้การตลาดนำการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับมาตรฐานสินค้า
เพิ่มความสามารถ ในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งนี้ ขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย เร่งพัฒนาสินค้า ประชาสัมพันธ์ผ้าไหมไทยให้ก้าวไกลเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งสืบสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และขออำนวยพรให้คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกคนประสบแต่ความสุข เพื่อเป็นกำลังสำคัญใน การสืบสานและพัฒนาวงการหม่อนไหมไทยให้เจริญก้าวหน้าสืบไป”
ด้าน นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า กรมหม่อนไหมได้ดำเนินงานตามภารกิจ และสนองงานพระราชดำริด้านหม่อนไหม และพัฒนางานด้านหม่อนไหมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตลอดจนการขับเคลื่อนนโยบายหลักของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้ การนำของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม ตลอดจนพัฒนาสินค้าผ้าไหมไทยให้เป็นที่ยอมรับ เป็น Soft Power ของไทย
ซึ่งในปี 2568 กรมหม่อนไหม ได้เดินหน้าส่งเสริมและพัฒนางานหม่อนไหม ในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญา สามารถรวบรวมและยืนยันสายพันธุ์หม่อนและไหมไทยไว้รวมกันเกือบ 500 สายพันธุ์ นอกจากนี้ยังถอดแบบลวดลายผ้าอัตลักษณ์ท้องถิ่นได้ถึง 30 ลวดลาย และต่อยอดศูนย์เรียนรู้ไม้ย้อมสีธรรมชาติ ซึ่งรวบรวมพืชให้สีไว้กว่า 300 ชนิด นำมาสู่การท่องเที่ยวเชิงเกษตรและสร้างรายได้จริงให้พี่น้องเกษตรกรไปแล้วกว่า 77 ล้านบาท ด้านวิจัยและนวัตกรรมมีไหมพันธุ์ใหม่ แพร่ 72 (J108 x ละหานทราย) เหมาะสำหรับทำ ผ้าห่มใยไหม และมีนวัตกรรมทางการแพทย์
งานวิจัยการใช้ไหมพันธุ์ J108 X นางลายสระบุรี ในการช่วย “ฟื้นฟูเต้านมหลังผ่าตัดมะเร็ง” ด้านส่งเสริมเกษตรกรและการตลาด มีการแจกจ่ายต้นหม่อนไปกว่า 2.7 ล้านต้น ทั้งยังเน้นการสร้างความเข้มแข็งผ่าน “เกษตรแปลงใหญ่” และโครงการพระราชดำริ สร้างทายาทหม่อนไหมรุ่นใหม่ทั้งในโรงเรียนและชุมชน
ด้านมาตรฐานและความเชื่อมั่น กรมหม่อนไหมได้ตรวจรับรองมาตรฐานทั้งแปลงหม่อนและเส้นไหมจำนวนมาก โดยเฉพาะ “ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน” ที่ให้การรับรองไปกว่า 2 แสน 5 หมื่นเมตรสามารถสร้างมูลค่าตลาดรวมกว่า 710 ล้านบาท ทำให้ไหมไทยมีมูลค่าสูงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล







