จับจุดลงทุน ‘กองหุ้นจีน’ ยุคใหม่

จับจุดลงทุน ‘กองหุ้นจีน’ ยุคใหม่

หลังจากการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนในปี 2521 เศรษฐกิจจีนได้เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยรัฐบาลจีนมุ่งเน้นที่จะพัฒนานวัตกรรมตาม Roadmap “Made In China 2025” วิวัฒน์สู่ “New Economy” ที่เน้นการบริโภคภายในประเทศ รวมทั้งส่งออกสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง

ขณะที่ “ตลาดหุ้นจีน” ยังทนทานต่อทุกภาวะตลาดทั้งสงครามการค้าและไวรัสระบาด ถึงแม้ดัชนีอาจปรับย่อลงบ้างด้วยแรงขายทำกำไรระยะสั้น แต่ตลาดหุ้นจีนยังมีแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวได้ ด้วยระดับ P/E หุ้นจีนที่ต่ำกว่ามาก เมื่อเทียบกับ P/E ของหุ้นในตลาดอื่นๆ อย่างสหรัฐ ยุโรป รวมถึงไทย

ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวยังคงหนุนให้ “กองทุนหุ้นจีน” ยังคงน่าสนใจที่จะเข้าซื้อสะสมได้ ก่อนที่มูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยลงทุน(NAV) จะสูงไปกว่านี้ สำหรับกองทุนหุ้นจีนที่ยังคงให้ผลตอบแทนโดดเด่นที่สุด คือ กองทุนแอสเซทพลัส อีโวลูชั่น ไชน่า อิคิวตี้ (ASP-EVOCHINA)

เมื่อดูจากผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วงที่ผ่านมา กองทุน ASP-EVOCHINA (ณ 8 ก.ค. 2563) สามารถสร้างผลตอบแทนดีที่สุดและดีกว่าตลาดมาตลอด ทำให้โดยภาพรวมแล้วช่วง 1 ปีย้อนหลัง กองทุน ASP-EVOCHINA ให้

ผลตอบแทนเฉลี่ย 41.67% ขณะที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่15.13%, ช่วง 6 เดือน ผลตอบแทนเฉลี่ย 30.71 % ขณะที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 8.43% และช่วง 1 เดือนย้อนหลัง ผลตอบแทนเฉลี่ย 41.59% ขณะที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 19.41 % โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน 33.75% ขณะที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 15-20%

จุดเด่นของกองทุน ASP-EVOCHINA คือกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในกระแสการวิวัฒนาการของเศรษฐกิจจีน โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนไปยังกองทุนรวม Mirae China Growth Equity Fund ไม่เกิน 70% และลงทุนในหุ้นรายตัวไม่เกิน 30% โดยทั้งหมดจะลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนหรือทำธุรกิจหลักอยู่ในประเทศจีน

นโยบายการลงทุนจะเน้นไปที่ศักยภาพการเติบโต ถือหุ้นไม่มาก และเน้นถือยาว ซึ่งเหมาะสมกับบริบทการเติบโตของจีนที่ภาพรวมของเศรษฐกิจของประเทศยังเติบโตดี ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่ม “New Economy ” เช่น บริษัทยา ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูงมากในจีน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น ฟู้ดเดลิเวอรี่

สำหรับพอร์ตการลงทุนโดยหลักของกองทุน  30 เม.ย. 2563 ลงทุนในกองทุน Master Fund คือ MIRAE ASSET China Growth Equity 57.81% ส่วนการลงทุนในหุ้นรายตัว 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. Tencent Holding 5.09% 2. Weimob Inc 3.83% 3. Alibaba Group 3.73% 4. Meituan Dianping-Class B 3.65% และ 5. Ping An Insurance 2.31% โดยปัจจุบันกองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินรวม 660 ล้านบาท

ในแง่ความเสี่ยงของกองทุน ASP-EVOCHINA จัดเป็นกองทุนความเสี่ยงสูงระดับ 6 จากทั้งหมด 8 ระดับ โดยที่ความผันผวนของผลการดำเนินงานที่ผ่านมาอยู่ที่ 16.78% ต่อปี และกองทุนเคยมีผลขาดทุนสูงสุด 12.66% ขณะเดียวกัน หากเปรียบเทียบกับกองทุนหุ้นต่างประเทศด้วยกัน ทางเลือกของการลงทุนในตลาดหุ้นจีนยังค่อนข้างจะกระจุกตัวมากกว่าการลงทุนในตลาดสำคัญอย่างสหรัฐ และในปัจจุบัน ตลาดหุ้นจีนยังคงมีความผันผวนจากการเก็งกำไรระยะสั้นของผู้ลงทุนรายย่อยมากกว่า 

สำหรับค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน ASP-EVOCHINA แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด 1.61% ต่อปี และค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน 1.25% ต่อปี ปัจจุบันมูลค่า NAV ของกองทุน อยู่ที่ 16.2345 บาทต่อหน่วย  โดยนโยบายของกองทุนจะไม่จ่ายเงินปันผล ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนจะถูกสะสมไว้ใน NAV ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาจาก 11-12 บาท ยังขึ้นมาต่อเนื่องทะลุ 15 บาท ในปัจจุบัน โดยไม่มีการย่อตัว

โดยภาพรวมแล้ว ดูเหมือนตลาดหุ้นจีนกำลังกลับมาเป็นตลาดกระทิงในระยะยาว แต่กองทุนที่มีนโยบายลงทุนหุ้นจีนแบบบาลานซ์ทั้ง 3 ตลาด คือ A-Share ,H-Share และ ADR รวมถึงเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่ม New Economy เป็นหลัก จะช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นในทุกภาวะตลาด