เลี่ยงตลาดผันผวนกับ 'กองทุนทองคำ'

เลี่ยงตลาดผันผวนกับ 'กองทุนทองคำ'

ช่วงเวลาที่ตลาดอยู่ในภาวะความไม่แน่นอนสูง นักลงทุนมักจะวิ่งเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ‘ตราสารหนี้ภาครัฐ’ หรือ ‘ทองคำ’ น่าจะเป็นสินทรัพย์ลำดับแรกๆ ที่โผล่เข้ามาในความคิด แต่ที่ผ่านมาการลงทุนในตราสารหนี้ที่ว่าปลอดภัยก็ยังผันผวน

ในทางกลับกัน ด้วยความกลัวของตลาดทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง ‘ทองคำ’  มีโอกาสเติบโตขึ้นมาได้ ซึ่งช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา สามารถสร้างผลตอบแทนได้ราว 15% และล่าสุดราคาทองคำยังสามารถปรับตัวทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นมาได้ 

ปัจจัยทั้งหมดล้วนเป็นตัวสนับสนุนให้ “กองทุนทองคำ” สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นตามไปด้วย โดยพบว่า “กองทุนทองคำ” ที่ยังให้ผลตอบแทนดีที่สุด คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ ( SCBGOLDH)

เมื่อดูจากผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กองทุนอย่าง SCBGOLDH เป็นกองทุนทองคำที่สามารถสร้างผลตอบแทนดีที่สุด โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ย 7.93 % ต่อปี ขณะที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.65% หรือหากพิจารณาเฉพาะช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนเฉลี่ยจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 10.84 % ต่อปี มากกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 8.08% และช่วง 1 ปีย้อนหลัง ผลตอบแทนของกองทุนสูงถึง 25.23 % ขณะที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 24.12% ส่วนผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึง ณ 25 มิ.ย. 2563 อยู่ที่ 16.87%

จุดเด่นของกองทุน SCBGOLDH  คือ การนำเงินไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์ ทำให้สามารถซื้อขายได้ใกล้เคียงกับราคาปิดของตลาด ณ สิ้นวันนั้น และได้ NAV ในวันเดียวกัน โดยเน้นลงทุนในกองทุน SPDR Gold Trust เป็นกองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใต้การบริหารโดย World Gold Trust Services, LLC ซึ่งถือหุ้นโดย World Gold Council (WGC) ที่เป็นองค์กรร่วมระหว่างบริษัทผู้ผลิตทองคำของโลก

ทั้งนี้ แนวทางการลงทุนของ SCBGOLDH เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust เป็นกองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่ง จดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (Exchange Traded Fund : ETF) โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิกองทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนหลังหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการจัดการให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ

จากข้อมูล ณ 29 พ.ค. 2563 มี สัดส่วนหน่วยลงทุน SPDR GOLD TRUST 97.61% และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 1.41 % และอื่นๆ นอกจากนี้ กองทุน SCBGOLDH มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนตลอดเวลา ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม กองทุนทองคำถือเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก ในระดับ 8 จากทั้งหมด 9 ระดับ โดยผลการดำเนินงานมีความผันผวน 12.48% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และเคยขาดทุนสูงสุด 18.79% ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ในปี 2554 จะเห็นว่าผลตอบแทนจากการลงทุนยังคงติดลบ 4.82%

สำหรับค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด 0.56% ต่อปี และค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน 0.54 % ปัจจุบันมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุน SCBGOLDH อยู่ที่ 9.4620 บาทต่อหน่วย มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1,670. 26 ล้านบาท. (ณ 25 มิ.ย. 2563) โดยนโยบายของกองทุนจะไม่จ่ายเงินปันผล ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนจะถูกสะสมไว้ใน NAV

ในยามวิกฤติ กองทุนทองคำถือเป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่สามารถใช้เป็นหลุมหลบภัยได้ ขณะเดียวกัน แม้วิกฤติจะผ่านพ้นไปแล้ว ตลาดหุ้นกลับมาน่าสนใจ แต่ในอดีตที่ผ่านมา จะเห็นว่าราคาทองคำก็ยังเพิ่มขึ้นได้ในระยะยาว  

อย่างไรก็ตาม การพยายามจับจังหวะเก็งกำไรในทองคำ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก เพราะถึงแม้ราคาทองคำจะปรับขึ้นได้ในระยะยาว แต่ในบางช่วงเวลาผลตอบแทนก็อาจติดลบได้ หากจับจังหวะเข้าลงทุนผิดพลาด