ไทยส้มหล่นรับออเดอร์ผลิตถุงยางอนามัย 27 %

ไทยส้มหล่นรับออเดอร์ผลิตถุงยางอนามัย 27 %

พาณิชย์ เผย ถุงยางอนามัยขาดแคลนทั่วไทย หลังผู้ผลิตรายใหญ่ “ดูเร็กซ์” ในมาเลเซียปิดโรงงานจากล็อกดาวน์ ป้องกันโควิด-19 ระบาด ส่งผลเกิดการขาดแคลนถุงยางอนามัยทั่วโลก 100 ล้านชิ้น ขณะที่ชาวจีนแห่ตุนถุงยางมากกว่ากระดาษชำระ

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า  ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ เมืองชิงต่าว ประเทศจีนว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การผลิตและส่งออกถุงยางอนามัยได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนเกิดภาวะขาดแคลนในทั่วโลกถึง 100 ล้านชิ้น เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกภายใต้แบรนด์ “ดูเร็กซ์ในมาเลเซีย ได้รับผลกระทบจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลมาเลเซีย ที่สั่งให้หยุดงานทั้งประเทศ ส่งผลให้การผลิตและการส่งออกหยุดชะงัก

ขณะนี้ ถุงยางอนามัยขาดตลาดทั่วโลกถึง 100 ล้านชิ้น เพราะผู้ผลิตแบรนด์ดูเร็กซ์ในมาเลเซีย ผลิตไม่ได้ โดยบริษัทนี้ได้รับอนุญาตผลิตให้กับองค์การอนามัยโลก และหน่วยงานบริการสุขภาพแห่งอังกฤษด้วย ทำให้ผู้ผลิตของไทย คือ บริษัท ไทย นิปปอน ฉวยจังหวะนี้วางแผนการผลิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,900 ล้านชิ้นในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นถึง 27% ซึ่งคำสั่งซื้อมากถึง 90% ของบริษัทมาจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และจีนรวมกัน ถือเป็นโอกาสดีของผู้ส่งออกไทยที่จะขยายการส่งออกได้เพิ่มขึ้น

 

นายสมเด็จ กล่าวว่า นอกจากนี้ สคต.ชิงต่าว ยังรายงานอีกว่า ในช่วงโควิด-19 ระบาด ความต้องการใช้ถุงยางอนามัยในจีนเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก ซึ่งมากกว่าความต้องการใช้กระดาษชำระ ที่ความต้องการแทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ยังไม่เกิดโรคระบาด อีกทั้ง ยังพบว่า การกักตุนกระดาษชำระของชาวจีนไม่ได้สูงขึ้น เมื่อเทียบกับความต้องการใช้ถุงยางอนามัยในช่วงโควิด-19 ขณะเดียวกัน ยังคาดการณ์ว่า ในปี 64 มูลค่าตลาดถุงยางอนามัยจะอยู่ที่ 9,410 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18.07% จากปี 63

ส่วนปี 62 จีนนำเข้าผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยจากไทย 50.7 ล้านดอลลาร์ และนำเข้าน้ำยางธรรมชาติ เพื่อใช้ผลิตถุงยางอนามัยกว่า 443 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 76.50% ของการนำเข้าจากทั่วโลก ที่มีมูลค่า 580 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.63 จีนนำเข้าน้ำยางธรรมชาติจากทั่วโลก 63 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้เป็นการนำเข้าจากไทย 55 ล้านดอลลาร์

 

 

นายสมเด็จ กล่าวว่า ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ยังมีโอกาสสำหรับผู้ผลิต และผู้ประกอบการไทยเสมอไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัย หรือวัตถุดิบสำคัญอย่างน้ำยางธรรมชาติ ที่ล้วนแต่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง และเป็นที่ต้องการของตลาดโลกมาก ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงไม่ควรมองข้ามโอกาสนี้ และติดตามสถานการณ์การตลาดและการบริโภคในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ มีความแตกต่าง และมีความโดดเด่น รวมถึงมองหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ อย่าง ตลาดออนไลน์ และใช้ ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสื่อสาร เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อให้สินค้าไทย เป็นที่รับรู้ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที และครองส่วนแบ่งการตลาดในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงโควิด-19 ระบาดนี้ กรมได้รวบรวมข้อมูลข่าวสาร และมาตรการด้านการค้าของประเทศต่างๆ รวมถึงโอกาส และลู่ทางการส่งออกสินค้าไทยในประเทศต่างๆ เผยแพร่บนเว็บไซต์กรมที่www.ditp.go.thในหัวข้อ ศูนย์ข้อมูลสถานการณ์การค้าจากผลกระทบโควิด-19 ซึ่งผู้ผลิต ผู้ส่งออก รวมถึงผู้สนใจ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ เพื่อให้สามารถปรับตัวรองรับการสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที

    https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/873201