'นิเวศน์' ถือ 'แมค' ยาว มองพื้นฐานหุ้น 'แกร่ง' แม้กำไรลด 44%

'นิเวศน์' ถือ 'แมค' ยาว มองพื้นฐานหุ้น 'แกร่ง' แม้กำไรลด 44%

"นิเวศน์" ยันถือหุ้น "แม็คกรุ๊ป" ระยะยาว มองพื้นฐานยังแข็งแกร่ง แม้งบไตรมาส 3 ปีนี้ กำไรวูบ 44% จากผลกระทบ "โควิด-19" ระบาด ลั่นประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยลำบาก ชี้ดัชนีปรับลงน้อย แถมพื้นตัวได้เร็ว แม้โควิดฉุดเศรษฐกิจไทยทรุดหนัก

วานนี้ (11พ.ค.) บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.2563) มีกำไรสุทธิ 77.58 ล้านบาท ลดลง 44.04% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 138.65 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายลดลง 14.3% อยู่ที่ 744 ล้านบาท และกำไรขั้นต้นลดลง14.5% อยู่ที่ 425 ล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ส่งผลงวด 9 เดือน ปี 2563 (ก.ค.2562-มี.ค.2563) มีกำไรสุทธิ 368.76 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 422.40 ล้านบาท

ด้านนายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในฐานะกลุ่มผู้ถือหุ้น MC กล่าวว่า กำไรไตรมาส 3 ปีนี้ของ MC ที่ปรับตัวลดลงถือเป็นเรื่องปกติ เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวไม่ได้มีผลกระทบทำให้นโยบายการลงทุนในหุ้น MC ของกลุ่มครอบครัวเปลี่ยนไป โดยยังคงจะถือหุ้นต่อไประยะยาว เพราะมองว่าโควิด-19 เป็นปัจจัยชั่วคราวที่เข้ามากดดันระยะสั้น โดยเชื่อว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ผลการดำเนินงานจะสามารถฟื้นตัวได้เหมือนในอดีต รวมถึงมองว่าปัจจัยพื้นฐานของ MC แกร่ง 

สำหรับสาเหตุที่ลงทุนในหุ้น MC เพราะผลการดำเนินงานสามารถเทิร์นอะราวด์กลับมาได้ อยู่ระดับที่เคยทำได้ จากก่อนหน้านั้นผลดำเนินงานไม่ค่อยดี ประกอบกับเป็นบริษัทที่มีหนี้ต่ำ มีเงินสดในมือสูง และมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่สูง รวมถึงเป็นผู้นำอุตสาหกรรม

"ตนเองไม่ได้ถือหุ้น MC โดยตรง แต่เป็นการถือหุ้นผ่านภรรยา คือนางเพาพิลาส เหมวชิรวรากร จำนวน 10 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.25% และลูกชาย ซึ่งกำไรไตรมาส 3 ปี 2563 ลดลง ไม่มีผลกระทบต่อการนโยบายการลงทุน เพราะมองเป็นปัจจัยระยะสั้น ซึ่งตนเองเป็นนักลงทุนระยะยาว จะไม่สนใจปัจจัยระยะสั้นที่เข้ามากระทบ" นายนิเวศน์ กล่าว

สำหรับในช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงในรอบที่ผ่านมานั้น ส่วนตัวไม่ได้เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่ม เพราะหุ้นที่สนใจซื้อนั้นราคาหุ้นปรับตัวลดลงไม่มาก แต่หุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงแรงนั้น ช่วงดังกล่าวตนเองไม่มั่นใจว่าธุรกิจบริษัทนั้น จะสามารถพลิกฟื้นได้หรือไม่หลังจากที่โควิด-19 คลี่คลาย จึงรอดูสถานการณ์ และรอโอกาสการลงทุนที่ตนเองประเมินว่าเหมาะสม

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะไปในทิศทางใด  เพราะมองว่าโควิด-19 ระบาด มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้ลดลงต่ำสุดในประวัติศาสตร์  ตลาดหุ้นไทยควรปรับตัวลดลงแรง  แต่ปรับตัวลงเพียง 30-40% และสามารถพื้นตัวกลับขึ้นมาได้เร็ว