'รีไฟแนนซ์บ้าน' โอนความคุ้มครองจากกรมธรรม์เก่าไปได้หรือไม่?

'รีไฟแนนซ์บ้าน' โอนความคุ้มครองจากกรมธรรม์เก่าไปได้หรือไม่?

ไขข้อข้องใจการทำรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารแห่งใหม่ เนื่องจากมีข้อเสนอที่ดีในเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อบ้านที่อยู่อาศัย แต่ทำไมถึงมีเงื่อนไขต้องทำประกันคุ้มครองเงินกู้อีก 1 ฉบับ แล้วกรมธรรม์คุ้มครองเงินกู้เดิมจะเป็นอย่างไร

สวัสดีครับ พบกับประกันภัยเรื่องใกล้ตัวกันอีกเช่นเคยนะครับ การประกันภัยเป็นหลักประกันอย่างหนึ่งที่สามารถรองรับต่อความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเรา และ/หรือครอบครัวของเรา ประกันภัยเรื่องที่ใกล้ตัว เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ท่านมีความรู้เกี่ยวกับการประกันภัยมากขึ้น สำหรับฉบับนี้เป็นเรื่อง “การรีไฟแนนซ์บ้าน สามารถโอนความคุ้มครองจากกรมธรรม์เก่าไปได้หรือไม่" 

ซึ่งการทำรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารแห่งใหม่ เนื่องจากมีข้อเสนอที่ดีในเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อบ้านที่อยู่อาศัย จึงได้ตัดสินใจทำการรีไฟแนนซ์ ปรากฏว่าธนาคารแห่งใหม่นี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่งว่า เราต้องทำการประกันคุ้มครองเงินกู้ 1 ฉบับ คำถามที่อยากรู้คือ กรมธรรม์คุ้มครองเงินกู้ที่เราทำเอาไว้กับธนาคารเก่าไว้โดยระบุว่าธนาคารเป็นผู้รับประโยชน์หากผู้กู้เสียชีวิตลง

กรณีอย่างนี้เป็นคำถามที่สอบถามเข้ามาบ่อยอยู่เหมือนกัน โดยในปัจจุบันนี้ เวลาใครไปทำการกู้เงินซื้อบ้านกับธนาคาร ผู้กู้มักจะถูกแนะนำหรือเสนอให้ทำการประกันภัยอยู่หลายอย่าง เนื่องจาก พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย ได้เปิดให้ธนาคารสามารถเป็นนายหน้าประกันชีวิต และหรือนายหน้าประกันวินาศภัยได้ จึงเป็นการบริการเสริมของธนาคารที่สามารถกระทำได้แต่ต้องทำตามคำสั่งของนายทะเบียน (คปภ.)

  • เอาละครับ เรามาดูกันต่อครับว่าการประกันเงินกู้คืออะไร?

การประกันคุ้มครองเงินกู้ที่ธนาคารเสนอนี้จริงๆ แล้ว ก็คือ การประกันชีวิตอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นการประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองวงเงินสินเชื่อที่เรากู้เพื่อซื้อบ้านเพื่อยู่อาศัย คำศัพท์ทางประกันเรียกว่า Mortgage Reducing Time Assurance หรือ MRTA หมายถึงการประกันชีวิตของผู้กู้เพื่อเป็นหลักประกันว่า

หากผู้เอาประกันภัยหรือผู้กู้เสียชีวิตลงตามสัญญา ภาระหนี้ที่มีการกู้กับทางธนาคารนั้นทางธนาคารก็จะเป็นผู้รับประโยชน์จากเงินเอาประกันเพื่อมาจ่ายเงินกู้ให้กับธนาคารนั่นเอง การประกันชีวิตแบบนี้ความคุ้มครองจะลดลงตามระยะเวลาที่เรากู้ไปโดยการลดลงนั้นจะสัมพันธ์กับยอดหนี้ที่ผ่อนชำระไปเรื่อยๆ

การประกันอีกแบบหนึ่งที่ทางธนาคารนิยมทำกันคือการเสนอขายแบบประกันชีวิต โดยการร้องขอความช่วยเหลือให้ผู้กู้เงินธนาคารช่วยทำประกันชีวิตอีกฉบับหนึ่ง โดยที่ผู้กู้ก็จะเข้าใจว่าเป็นการประกันคนละแบบกับการประกันคุ้มครองเงินกู้ และผู้กู้เองก็เกรงว่าจะมีผลกับเงินที่ขอกู้จึงอาจตกลงทำประกันชีวิตอีกหนึ่งฉบับและ

นอกจากนี้แล้วผู้กู้ต้องทำประกันอีกแบบหนึ่งคือ การประกันอัคคีภัย ซึ่งเป็นการประกันวินาศภัยที่กำหนดไว้ในสัญญาเลยครับว่า ผู้กู้ต้องทำประกันอัคคีภัยเพื่อคุ้มครองบ้านตามมูลค่าที่ขอกู้กับทางธนาคาร โดยบางแห่งจะมีการเก็บเบี้ยครั้งละ 3 ปี หรือมากกว่านี้ก็แล้วแต่จะมีการตกลงกัน เป็นอย่างนี้ก็เรียบร้อยละครับ ทั้งสามกรมธรรม์ บางธนาคารหักจากยอดเงินกู้ก็มี บางธนาคารก็ให้ชำระเงินสดกันเลยก็มี

ลักษณะอย่างนี้มีการดำเนินการกันมากในช่วงระยะนี้ เนื่องจากใกล้ปิดยอดการขายสิ้นปีแล้ว จึงไม่แปลกใจว่าทำไมช่วงนี้ปัญหาประเด็นนี้ถึงมาแรง และด้วยเหตุที่ผู้กู้จะต้องขอกู้กับธนาคารแล้วเกรงว่าหากไม่ทำตามที่เจ้าหน้าที่ธนาคารร้องขอ ก็เกรงว่าทางธนาคารอาจไม่ปล่อยเงินกู้ให้ หรืออาจมีการกระทำในลักษณะให้เป็นเงื่อนไขหนึ่งในการกู้เงิน จึงต้องยอมทำตามที่เจ้าหน้าที่นาคารเสนอ

ทางสำนักคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือสำนักงาน คปภ.ในฐานะนายทะเบียนผู้มีอำนาจตามกฎหมาย จึงได้ออกระเบียบเกี่ยวกับการเสนอขายประกันภัยหรือการประกันชีวิตผ่านธนาคาร หรือ BANCASSURANCE  ซึ่งเป็นการเสนอขายโดยพนักงานธนาคารที่ได้รับอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตหรือนายหน้าประกันวินาศภัยเท่านั้น โดยมีคำสั่งนายทะเบียนกำหนดให้ถือปฏิบัติดังนี้

1.ผู้เสนอขาย (เจ้าหน้าที่ธนาคาร) ต้องแจ้งชื่อ-นามสกุลพร้อมแสดงใบอนุญาตินายหน้าเสมอ

2.การทำประกันภัยของลูกค้าต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ

3.ธนาคารจะต้องปฏิบัติตามระเบียบการของ คปภ.เช่นเดียวกับนายหน้าประกันภัย คือต้องแจ้งวัตถุประสงค์ในการเสนอขายประกันวินาศภัยหรือประกันชีวิตและหากผู้มุ่งหวังแสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่ต้องการซื้อ ต้องหยุดการเสนอขายทันที และเมื่อผู้มุ่งหวังอนุญาตจะต้องอธิบายเกี่ยวกับกรมธรรม์ของบริษัทที่ตนเองสังกัดให้ลูกค้ามีความเข้าใจถูกต้องชัดเจน

​คงได้รับทราบกันชัดเจนแล้วนะครับว่าการเสนอขายประกันโดยเจ้าหน้าที่ของธนาคารนั้นมีข้อควรปฏิบัติอย่างไร? ดังนั้นจึงตอบคำถามที่ถามว่ากรมธรรม์คุ้มครองเงินกู้ที่ทำเอาไว้กับธนาคารเก่าไว้โดยระบุว่าธนาคารเป็นผู้รับประโยชน์หากผู้กู้เสียชีวิตลง กรณีอย่างนี้ เราสามารถโอนความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันคุ้มครองเงินกู้จากธนาคารแห่งเดิมมายังธนาคารแห่งใหม่ได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ครับแต่ทั้งนี้ต้องได้รับความยินยอมจากทางธนาคารแห่งเก่าก่อนซึ่งโดยทั่วไปธนาคารแห่งใหม่จะช่วยดำเนินการให้ แต่หากทางธนาคารไม่ดำเนินการให้ เราก็ต้องทำการติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อขอยกเลิกกรมธรรม์และขอเงินค่าเบี้ยประกันในส่วนที่เหลือคืนได้ครับ

การประกันภัยเป็นหลักประกันที่ดีครับ และที่สำคัญเมื่อทำการประกันแล้วต้องตรวจสอบความถูกต้องของกรมธรรม์และทำความเข้าใจในสัญญาประกันภัยหรือการประกันชีวิตมีหลากหลายแบบผู้เอาประกันภัยต้องอ่านและทำความเข้าใจกับสาระสำคัญในสัญญาให้ชัดเจนนะครับเพื่อเราจะได้รับรู้ถึงสิทธิของเราตามสัญญาอย่างแท้จริง