‘4แบงก์ใหญ่’ปิดบูธแลกเงิน-สาขาเสี่ยง กันโควิด-19
“4แบงก์ใหญ่” กสิกร กรุงไทย กรุงศรี เอสซีบี“ ยกระดับป้องกันโควิด-19 ระบาด ทยอยปิดบูธแลกเงิน -สาขาในจุดเสี่ยง ด้าน ”แบงก์กรุงเทพ“ขอพิจารณาอย่างรอบคอบ ฝั่ง”ธปท."ถกสมาคมธนาคารไทย เกาะติดสถานการณ์ "โควิด-19"ใกล้ชิด สั่งเพิ่มมาตรการดูแลพนักงาน-ลูกค้า
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 เริ่มขยายวงในไทย มีจำนวนผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 75 ราย ส่งผลให้หลายองค์กรต่างๆ ยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ เช่่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ ที่ทยอยประกาศปิดให้บริการบูธแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมถึงปิดให้บริการในสาขาที่ตั้งอยู่ในจุดเสี่ยงทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง
นำโดยธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ที่ปิดให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วประเทศ พร้อมปิดสาขาใน 2 สนามบินหลักชั่วคราว , ธนาคารกรุงไทย (KTB) จะประกาศปิดสาขาแลกเงิน 53 แห่ง ขณะที่ธนาคคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปิดบูธแลกเงินในบางจุดเสี่ยง และล่าสุดวานนี้( 13 มี.ค.) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประกาศหยุดการให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั้งที่สาขาและบูธแลกเงินทุกแห่งทั่วประเทศชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลาย พร้อมให้พนักงานที่ทำงานในบูธแลกเงินทุกแห่ง หยุดปฏิบัติงานและแยกตัวจนครบระยะเวลา14วัน
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การประกาศปิดสาขาและหยุดให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารต่างๆ เพื่อต้องการดูแลพนักงานและลูกค้า ซึ่งนโยบายในการปฏิบัติด้านต่างๆ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละธนาคาร ในส่วนของธปท.ได้หารือกับสมาคมธนาคารไทยและสาขาธนาคารต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกค้ามีช่องทางในการใช้บริการ รวมทั้งการเพิ่มมาตรการดูแลสุขภาพของพนักงานและผู้มาใช้บริการเป็นสำคัญ
นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด -19 ที่มีการแพร่ระบาดมากขึ้นนั้น ทำให้ธนาคารต้องมีการพิจารณาอย่างเร่งด่วน เกี่ยวกับการให้บริการของธนาคารในระยะอันใกล้นี้ ทั้งในส่วนการให้บริการผ่านสาขา และบูธแลกเงินที่อยู่ในสนามบินต่างๆว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ สิ่งที่ธนาคารคำนึงถึงมากที่สุด คือเรื่องความปลอดภัยของพนักงานที่ให้บริการในพื้นที่เสี่ยง ธนาคารต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าจะมีการให้บริการต่อ หรือปิดให้บริการเพื่อความปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากโควิด -19 โดยต้องการดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้บริการทางการเงิน และดูแลพนักงานธนาคารเป็นหลัก มากกว่ายอดการใช้บริการดังกล่าวลดลง
“เรากำลังพิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข การให้บริการหรือปิดบริการหรือไม่ เรื่องความปลอดภัยพนักงานธนาคารเป็นปัจจัยหลักที่เราจะพิจารณา คงไม่ใช่เพราะมาจากดีมานด์การใช้บริการลดลงแน่นอน และสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง คือข้อกังวลของพนักงาน และมีการเตรียมพร้อมให้บริการอย่างไรในระยะข้างหน้า แต่วันนี้เรายังไม่ได้ปิดสาขาหรือบูธแลกเงิน”นายทวีลาภ กล่าว
สำหรับกรณีที่พบว่า พนักงานธนาคาร ในอาคารแสงทองธานี ติดเชื้อโควิด-19นั้น ล่าสุดธนาคารได้ปิดอาคารดังกล่าวทันที และให้พนักงานกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน และในพื้นที่ที่พบว่ามีพนักงานติดเชื้อ ก็ได้มีการปิดทั้งชั้น เพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว และยังไม่ได้เปิดให้บริการในขณะนี้ นอกจากนี้ธนาคารยังมีการทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบ และในอาคารด้วย เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน ธนาคารได้มีการติดตามพนักงานในอาคารดังกล่าวอย่าวต่อเนื่อง เพื่อดูผลการตรวจว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ เบื้องต้นจากการทยอยแจ้งผลตรวจเชื้อ พบว่ายังไม่มีการติดเชื้อของพนักงานในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มเติม
ด้านนางอภิพันธ์ เจริญอนุสรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า จากผลกระทบโควิด-19 ระบาด ขณะนี้ธนาคารได้มีการให้ปิดบูธแลกเงินบางจุดแล้ว โดยเฉพาะในสนามบินที่เป็นจุดเที่ยงบางพื้นที่ เช่นบูธแลกเงินบางในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ไม่ได้มีการปิดให้บริการบูธแลกเงินทั้งหมด หลักๆมาจากการให้บริการในบางจุด การทำธุรกรรมลดลง ขณะเดียวกันธนาคารจะพิจารณาการเปิดปิดบูธแต่ละจุดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การให้บริการผ่านสาขาที่สนามบินนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ปิดให้บริการ ยังเปิดให้บริการตามปกติ