ผลกระทบของไวรัส 'โควิด-19' ต่อบริษัทด้านเทคโนโลยี

ผลกระทบของไวรัส 'โควิด-19' ต่อบริษัทด้านเทคโนโลยี

จีนเป็นผู้บริโภคด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก การปิดร้านค้า โรงงาน และสำนักงาน ส่งผลกระทบต่อยอดการสั่งซื้อสินค้า และทำให้รายได้ของบริษัทด้านเทคโนโลยีต่างๆ ลดลงไป แต่ภายใต้วิกฤติก็ยังมีโอกาสสำหรับบริษัทด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มที่ให้บริการออนไลน์

บริษัทด้านเทคโนโลยีทั่วโลกต่างก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมด้านอื่นๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในปัจจุบันประเทศจีนโดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ อย่างเซินเจิ้นได้กลายเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีไอที และเป็นผู้ผลิตสินค้าไอทีต่างๆ มากมาย ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทันทีที่โรงงานต่างๆ ในประเทศจีนต้องหยุดชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ทำให้สินค้าด้านเทคโนโลยีอย่างโทรศัทพ์สมาร์ทโฟน อุปกรณ์วีอาร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ และแม้แต่รถยนต์ขาดตลาด ตัวอย่างเช่นการปิดโรงงาน Foconn และ Pegatron ทำให้ไอโฟน และแอร์พอดขาดตลาด รวมทั้งต้องเลื่อนส่งมอบรถยนต์ Tesla Model 3 จำหนวนหนึ่งออกไป

อย่างไรก็ตามงานเหล่านี้บางงานยังเลือกที่จะใช้วิธีจัดการบรรยายผ่านระบบออนไลน์ให้ผู้ฟังทั่วโลก ดังเช่นงาน Google Cloud Next ที่ปกติจะมีผู้มาร่วมงาน 30,000 คนในต้นเดือนเมษายน ทางกูเกิลได้ประกาศยกเลิกการจัดงานในรูปแบบเดิมที่มีการออกบูธและการบรรยายในห้องต่างๆ เป็นการจัดงานผ่านระบบดิจิทัล แล้วเปลี่ยนชื่องานว่า Google Cloud Next’20: Digital Connect โดยยังจัดงานสามวันเช่นเดิม

บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ ต่างก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤติไวรัสในครั้งนี้ เช่น Airbnb ต้องอนุญาตให้ลูกค้าสามารถยกเลิกการจองที่พักและการเดินต่างๆ โดยไม่ค่าปรับ ในกลุ่มลูกค้าที่เดินทางไปจีน และเกาหลีใต้

อูเบอร์ ประกาศหยุดให้บริการผู้ใช้จำนวน 240 รายในประเทศเม็กซิโกเป็นการชั่วคราวเนื่องจากพบว่า มีผู้ใช้บริการกับผู้ขับรถจำนวน 2 คนที่อยู่ในข่ายการเฝ้าระวังการติดไวรัส อะเมซอน ได้นำสินค้ากว่าหนึ่งล้านรายการที่อ้างว่าสามารถรักษาหรือป้องกันไวรัส โควิด-19 ออกจากระบบ นอกจากนี้ยังพบมีพนักงานที่สำนักงานใหญ่หนึ่งรายที่ตรวจพบการติดเชื้อ

กูเกิล ได้ปิดสำนักงานทั้งหมดในประเทศจีน ฮ่องกง และไต้หวัน และห้ามพนักงานเดินทางไปประเทศดังกล่าว เทสล่า ประกาศหยุดโรงงานชั่วคราวในเซี่ยงไฮ้ และระบุว่าอาจมีผลต่อกำไรในไตรมาสแรกของปีนี้

ภายใต้วิฤติก็ยังมีโอกาสสำหรับบริษัทด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะกลุ่มที่ให้บริการออนไลน์ เนื่องจากผู้คนลดการเดินทางและหลายองค์กรให้ทำงานนอกสถานที่ จึงทำให้ยอดการดูรายการทีวีอย่าง เน็ตฟลิกซ์ หรือการส่งอาหารอย่างแกร็บ ฟู้ดมีปริมาณที่สูงขึ้น เช่นเดียวกันกับการซื้อสินค้าออนไลน์ ร่วมถึงการใช้งานในระบบการสื่อสารออนไลน์ และการประชุมออนไลน์ต่างๆ

ทุกภาคส่วนต่างคาดหวังว่า วิกฤติครั้งนี้จะผ่านพ้นไปได้ในไม่นานนี้ ด้วยความหวังที่จะทำให้ยอดการบริโภคและการทำงานกลับมาสู่ปกติ และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีก็น่าจะทำให้รายได้ของบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีกลับมาโดยเร็ว