บุฟเฟ่ต์ยุคใหม่ แค่อิ่มไม่พอ ต้องโชว์ไลฟ์สไตล์ด้วย

ช่วงรอบปีที่ผ่านมา ความฮอตของเทรนด์การกินบุฟเฟ่ต์ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และขยายตัวครอบคลุมไปถึงร้านอาหารหลายรปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบุฟเฟ่ต์สไตล์ญี่ปุ่น คอร์สอาหารแบบตะวันตก อาหารเกาหลี หรือลามไปถึงขนมจีนบุฟเฟ่ต์แบบไทย และบุฟเฟ่ต์ชานมไข่มุกตักเครื่องไม่อั้น ฯลฯ

“บุฟเฟ่ต์” ขึ้นแท่น 10 อันดับคำค้นที่มีการค้นหามากที่สุด จากข้อมูลการค้นหาใน Wongnai กว่า 7,500,000 ครั้ง ตลอดปี 2560 ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับคำค้น ก๋วยเตี๋ยว, กาแฟ,​ ชาบู, ส้มตำ, สเต๊ก, อาหารทะเล/ซีฟู้ด, ซูชิ, ข้าวต้ม และหมูกระทะ

แม้จะมีร้านบุฟเฟ่ต์กระจายตัวอยู่ทุกย่านในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่ก็ยังมีร้านบุฟเฟ่ต์เปิดใหม่ให้เห็นอยู่ไม่ขาด แต่รูปแบบของร้านบุฟเฟ่ต์ไม่ใช่แค่สร้างความอิ่มคุ้ม ควบคุมราคาได้ แต่กลายเป็น “ฟู้ดแฟชั่น” ที่บ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ของคนกินได้อย่างมีนัยสำคัญ 

บุฟเฟ่ต์สมัยใหม่จึงต้อง “ไม่ธรรมดา” ด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มลูกเล่นที่ไม่เคยมี หรือบริการแปลกใหม่เหนือชั้น เพื่อดึงความสนใจจากลูกค้าจากร้านบุฟเฟ่ต์ที่มีอยู่มหาศาล ให้มาลองครั้งสักในชีวิต ไปจนถึงหาวิธีกระตุ้นให้ลูกค้าอยากมาบริการซ้ำในครั้งต่อไป อาทิ

• "แรลลี่บุฟเฟ่ต์" กินเก็บทุก RC อิ่มหมีมีรางวัล

BAIYOKE COUNTDOWN 2019 เปิดกิจกรรมต้อนรับคืนข้ามปี 31 ธันวาคม 2562

ที่เรียกว่า ”แรลลี่บุฟเฟ่ต์" เปลี่ยนการกินบุฟเฟ่ต์ไม่อั้นธรรมดาๆ กลายเป็นการกินมาราธอน เก็บ RC (Route Check) 12 จุด เหมือนกับการวิ่งมาราธอน โดยแทรกลูกเล่นการกินเข้าไปในห้องอาหารทั้ง 12 จุด ที่จัดเมนูอาหารไว้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

เช่น RC ชั้น 18 Fruit Court จุใจกับบุฟเฟต์ทุเรียนและผลไม้หลากหลายมาทั้งแบบสดและแปรรูป หรือ RC พิเศษ Bangkok Balcony (Sky Box-Outdoor) ระเบียงกรุงเทพฯ บนชั้น 81 จุดชมพลุชมวิวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ แบบ Open-air เปิดให้ทุกท่านได้จับจองที่นั่งสุด Exclusive พร้อมเสิร์ฟ Premium Set Menu เป็นต้น

สำหรับผู้ที่พิชิตภารกิจได้สำเร็จได้ 10 จุด (จากทั้งหมด 12 จุด สามารถนำแต้มอาร์ซีมาแลกรับ "เหรียญรางวัล" หรือลุ้นรับสร้อยคอทองคำ, เงินสด, รางวัลกินฟรี ฯลฯ ได้อีกด้วย 

(ภาพ : เฟซบุ๊ก Tenten ชาบูสี 4 หมีออนเซน) 

 

• ชาบู 4 สี มีหมีแช่ในหม้อ

เมื่อร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูผุดขึ้นทุกมุมเมือง น้ำซุป 2 ช่องไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอีกต่อไป ร้านชาบูน้องใหม่หาทางเพิ่มจุดขาย ด้วยน้ำซุป 7 รสชาติ เลือกมาร่วมหม้อได้ถึงคราวละ 4 รส แถมมีน้องหมีหน้าตาน่าเอ็นดูที่ทำจากน้ำซุปแช่มาเป็นเพื่อน ในคอนเซปต์  ”หมีออนเซน” ที่ชวนให้อยากถ่ายภาพเป็นอวดลงบนโซเชียลมีเดีย 

(ภาพ : เฟซบุ๊ก SHABU LAB)

• SHABU LAB กินชาบูเหมือนทดลองในห้องแล็บ

กินบุฟเฟ่ต์ชาบูมันธรรมดาเกินไปในยุคนี้ ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของ “Shabu Lab” ร้านชาบูใจกลางเมืองที่หยิบอุปกรณ์ในห้องแลปมาเป็นภาชนะสำหรับในวัตถุดิบชาบู หรือใช้อุปกรณ์ที่แปลกใหม่ในการปรุงอาหาร สร้างบรรยากาศภายในร้านเป็นห้องแล็บให้ลูกค้าเข้ามาทดลองปรุงชาบูสูตรเฉพาะของตัวเอง กลายเป็นจุดเด่นที่ใครๆ ก็อยากมาทดลองด้วยตัวเองสักครั้ง

ไม่ใช่แค่แบรนด์ใหม่ๆ ที่หาความแปลกใหม่มานำเสนอในตลาดธุรกิจอาหารบุฟเฟ่ต์ แต่แบรนด์ใหญ่ๆ ก็พยายามปรับตัวเพื่อสู้ศึกชิงพื้นที่กระเพาะคนรุ่นใหม่เช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็น บุฟเฟ่ต์ชาบูเจ้ายักษ์ใหญ่อย่าง ชาบูชิ ในเครือโออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่พยายามหาโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจนี้ ด้วยการเปิด “ชาบูชิ 24 ชั่วโมง” สาขาแรกของประเทศไทย ที่สามย่านมิตรทาวน์ ที่พยายามตอบโจทย์มนุษย์ค้างคาว อ่านหนังสือยามดึก ทำงานดึก แม้ต้องเผชิญกับความยากในบริการจัดการด้านทรัพยากรเทียบเท่ากับการบริหารร้านปกติถึง 2 ร้านในเวลาเดียวกันก็ตาม

นี่เป็นเพียงตัวอย่างร้านบุฟเฟ่ต์ที่พยายามปรับตัวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในยุค Disruption เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ทุกแบรนด์พยายามเจาะพฤติกรรมเพื่อดึงมาเป็นฐานลูกค้าในอนาคตให้ได้

โดยลักษณะสำคัญที่บรรดาร้านบุฟเฟ่ต์ต่างหยิบขึ้นมาดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ ได้แก่

• ตกแต่งร้านมีมุมมหาชน แสงต้องสวย ถ่ายรูปอวดลงโซเชียลได้ไม่เคอะเขิน
• รูปแบบอาหารทันสมัยไม่ตกเทรนด์ 
• มีกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมให้การกินสนุกกว่าที่เคย
• มีคอนเซปต์ใหม่ ไม่เหมือนใคร 

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจกลุ่มอาหารที่ต้องปรับตัวไปพร้อมๆ กับทุกๆ การเปลี่ยนแปลงในโลก โดยเฉพาะพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้จบ

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ในการบริหารธุรกิจยุคใหม่ที่น่าจับตามองว่าธุรกิจเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในอนาคต แล้วร้านดังที่น่าตื่นตาตื่นใจในวันนี้ จะยังถูกใจหรือจะถูกเมิน