สภาพอากาศเปลี่ยนภัยร้ายทุกมิติของชีวิต

สภาพอากาศเปลี่ยนภัยร้ายทุกมิติของชีวิต

สภาพอากาศเปลี่ยนภัยร้ายทุกมิติของชีวิต เป็นภัยคุกคามทั้งต่อสุขภาพของผู้คนและเป็นภัยคุกคามความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศ

นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เตือนว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจะทำให้เด็กๆ ทั่วโลกป่วยเป็นโรคติดเชื้อ ขาดสารอาหาร และมลพิษทางอากาศเลวร้ายลง และอิตาลี กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่นำหลักสูตรว่าด้วยเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นหลักสูตรบังคับในโรงเรียนรัฐบาลที่จะเริ่มเปิดสอนในปีหน้าเป็นต้นไป

บทความตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แลนเซ็ต ระบุ เด็กที่เกิดวานนี้ (14พ.ย.)พออายุ 71 ปี ต้องพบกับโลกที่ร้อนขึ้นกว่า 4 องศาเซลเซียส ซึ่งทั้งหมดนี้ มีผลต่อสุขภาพของพวกเขาในทุกช่วงชีวิต และตอนนี้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ทำลายสุขภาพเด็กไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงคนทุกรุ่น ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพรุนแรงตลอดชีวิต

ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเป็นสาเหตุให้ไข้เลือดออกและโรคที่มียุงเป็นพาหะระบาดง่าย ในช่วง 10 ปีที่มีสภาพอากาศเอื้อต่อการแพร่เชื้อไข้เลือดออก 9 ปีเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา และยิ่งไปกว่านั้น ตลอดชีวิตเด็กๆ ต้องหายใจอากาศที่มีมลพิษเพิ่มขึ้น ทำให้ปอดทำงานได้น้อยลง อาการหอบหืดมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงหัวใจวาย ซึ่งองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ)ประเมินว่า ทุกปีประชาชนราว 7 ล้านคน ต้องเสียชีวิตเพราะสัมผัสละอองอากาศที่เป็นพิษ

ส่วนปี 2559 ทั่วโลกมีอัตราผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะมลพิษนอกบ้านถึง 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้กว่า 440,000 คน เสียชีวิตเพราะการปล่อยมลพิษจากถ่านหิน

เสียงเตือนจากคณะนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ มีขึ้นในช่วงเดียวกับที่หลายรัฐในสหรัฐ เกิดหิมะปกคลุมหลายพื้นที่ อุณหภูมิติดลบ ทำลายสถิติและทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย รวมถึงเด็กวัย 8 ขวบ เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์

สหรัฐ เจอสภาพอากาศที่เลวร้าย หลังมวลอากาศเย็นจากขั้วโลกเหนือ แผ่ปกคลุมหลายพื้นที่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันจันทร์ (11พ.ย.)ที่ผ่านมา ทำให้เกิดหิมะตกหนักและกลายเป็นน้ำแข็งในหลายพื้นที่ อุณหภูมิลดฮวบต่ำสุดทำลายสถิติในหลายรัฐ รวมถึงรัฐแคนซัสและอิลลินอยส์ มีผู้เสียชีวิต 4 คน รวมถึงเด็กหญิงอายุ 8 ปี เสียชีวิตในรัฐแคนซัสเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังถูกชนโดยรถบรรทุกที่ลื่นเสียหลักเนื่องจากทางหลวงกลายเป็นน้ำแข็ง ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 3 คนอยู่ในรัฐมิชิแกน เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์จากสภาพถนนที่ลื่นหลังเกิดหิมะตกหนัก

สภาพอากาศที่เลวร้ายนี้ส่งผลให้มีการยกเลิกเที่ยวบินกว่า 1,000 เที่ยว ส่วนโรงเรียนปิดเรียนและธุรกิจปิดทำการในหลายพื้นที่ หลายเมืองในรัฐแคนซัส มีอุณหภูมิลดฮวบต่ำสุด ทำลายสถิติเดิมของวันเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยเมืองการ์เด้นซิตี้ มีอุณหภูมิติดลบ 18 องศาเซลเซียส หรือเท่ากับลบ 1 องศาฟาเรนไฮต์ ทำลายสถิติเดิมของวันเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งอุณหภูมิอยู่ที่ 7 องศาฟาเรนไฮต์

นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ อุณหภูมิลดฮวบไปอยู่ที่ 7 องศาฟาเรนไฮต์ ทำลายสถิติเดิมที่ 8 องศาฟาเรนต์ไฮต์ และยังต่ำสุดในรอบ 33 ปี ขณะที่ในรัฐเท็กซัส ซึ่งแทบไม่เคยเกิดหิมะตกเลยกลับเกิดหิมะตกในเมืองบราวนสวิลล์ เมืองชายแดนของสหรัฐฯ ใกล้กับพรมแดนเม็กซิโก

อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นเอสดับเบิลยู) เตือนว่า สภาพอากาศหนาวจัด มวลอากาศเย็นจะยังคงแผ่ปกคลุมบริเวณที่ราบและชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯต่อไป ซึ่งปกติหิมะจะตกราวกลางเดือนมกราคม แทนที่จะเป็นกลางเดือนพฤศจิกายนเหมือนในขณะนี้

ผลกระทบจากปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงนี้เอง ทำให้อิตาลี ตัดสินใจนำหลักสูตรเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาเป็นหลักสูตรบังคับในโรงเรียนรัฐบาล โดยจะเริ่มในปีหน้า ทำให้อิตาลี กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่นำหลักสูตรการเรียนการสอนในภาควิชา ""โลกร้อน" มาสอนตั้งเเต่ระดับชั้น ป.1 ถึงมัธยมปลาย

“ลอเรนโซ ฟิโอรามอนตี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอิตาลี บอกว่า กระทรวงศึกษาธิการอิตาลีได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา โดยเน้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและประเด็นเรื่องความยั่งยืนเป็นสำคัญ และต้องการให้อิตาลี เป็นที่แรกในโลกที่นำเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นแกนหลักในการศึกษาที่โรงเรียน

หลักสูตรโลกร้อน จะเป็นส่วนหนึ่งของวิชาหน้าที่พลเมืองของอิตาลี ครอบคลุมทุกระดับชั้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมปลาย ซึ่งโฆษกของรัฐมนตรีศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จะรวมการสอนเรื่องนี้ไว้ในวิชาหน้าที่พลเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพราะพลเมืองยุคใหม่จะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ

นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มการเรียนการสอนเรื่องความยั่งยืนไว้ในวิชาสามัญอื่นๆ ด้วย เช่น ภูมิศาสตร์ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์จากหลายประเทศมาช่วยพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนระดับประเทศให้ใส่ใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืนมากขึ้น