หุ้นโรงไฟฟ้ารีบาวด์ยกกลุ่ม หนุน SET พุ่ง 20 จุด

หุ้นโรงไฟฟ้ารีบาวด์ยกกลุ่ม หนุน SET พุ่ง 20 จุด

หุ้นโรงไฟฟ้าฟื้นตัวยกกลุ่ม หนุน SET พุ่ง 20 จุด หนุนจากความคืบหน้าโครงการลงทุนในเวียดนาม ด้านนักวิเคราะห์ประเมินแค่ผลดีช่วงสั้น กังวลกำไรบจ.กดดัน และเงินทุนเสี่ยงไหลออกหลัง MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้นจีน

ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ (4 พ.ย.) พุ่งขึ้นแตะ 1,613.89 จุด เพิ่มขึ้น 21.37 จุด หรือราว 1.34% ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 3 หมื่นล้านบาท

นายอาทิตย์ จันทร์สว่าง นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.กรุงศรี ระบุว่า การปรับตัวขึ้นแรงของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (4 พ.ย.) โดยหลักเป็นผลจากหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเข้ามา ทั้งในส่วนของ กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และบี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) โดยเป็นประเด็นความคืบหน้าของการลงทุนในเวียดนาม ซึ่งมีแนวโน้มว่าทั้งสองบริษัทจะได้รับสัมปทานใหม่เพิ่มเติม

โดยในส่วนของ GULF มีการพูดคุยกันถึงกำลังการผลิตกว่า 5 พันเมกะวัตต์ ขณะที่ BGRIM อยู่ที่ราว 3 พันเมกะวัตต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากกำลังการผลิตในปัจจุบันของทั้งสองบริษัท

“ในระยะหลัง หากหุ้นโรงไฟฟ้าปรับตัวขึ้น ดัชนี SET ก็มักจะปรับขึ้นตาม และประเด็นบวกดังกล่าวช่วยมาสนับสนุนโอกาสเติบโตระยะยาวของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่ราคาหุ้นอาจจะไม่ได้มีอัพไซด์เหลืออยู่มากนักในระยะสั้น ทั้งจากราคาที่ค่อนข้างจะเต็มมูลค่าไปแล้ว รวมถึงแนวโน้มการเติบโตในปีหน้าที่จะชะลอลง หลังจากโครงการต่างๆ ทยอยเปิดดำเนินการไปมากแล้ว”

โดยในส่วนของ GULF มีการพูดคุยกันถึงกำลังการผลิตกว่า 5 พันเมกะวัตต์ ขณะที่ BGRIM อยู่ที่ราว 3 พันเมกะวัตต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากกำลังการผลิตในปัจจุบันของทั้งสองบริษัท

“ในระยะหลัง หากหุ้นโรงไฟฟ้าปรับตัวขึ้น ดัชนี SET ก็มักจะปรับขึ้นตาม และประเด็นบวกดังกล่าวช่วยมาสนับสนุนโอกาสเติบโตระยะยาวของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่ราคาหุ้นอาจจะไม่ได้มีอัพไซด์เหลืออยู่มากนักในระยะสั้น ทั้งจากราคาที่ค่อนข้างจะเต็มมูลค่าไปแล้ว รวมถึงแนวโน้มการเติบโตในปีหน้าที่จะชะลอลง หลังจากโครงการต่างๆ ทยอยเปิดดำเนินการไปมากแล้ว”

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังได้แรงบวกจากต่างประเทศในประเด็นของสงครามการค้าที่เริ่มคลี่คลาย รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นมาประมาณ 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม การกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งจะทยอยประกาศออกมาจะเป็นตัวกดดันดัชนี

“ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือเรื่องของสงครามการค้า ที่จะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางตลาดภาพรวม ขณะเดียวกันการเพิ่มน้ำหนักหุ้นจีนของ MSCI จะกดดันให้เงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งไทยด้วย ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหลังจากนี้ ทำให้การฟื้นตัวของ SET อาจจะไม่ได้มากนัก”

สำหรับการปรับน้ำหนักหุ้นไทยของดัชนี MSCI จะประกาศในวันที่ 8 พ.ย. นี้ และจะมีผลจริงในวันที่ 27 พ.ย. นี้