แกว่งตัว..รอปัจจัยใหม่

แกว่งตัว..รอปัจจัยใหม่

คาด SET แกว่งตัว 1,600 - 1,620 จุด โดยภาวะตลาดมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอ่อนแอลง

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index อ่อนตัวลง -2.95 จุด (-0.18%) ปิดที่ระดับ 1,610 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.8 หมื่นล้านบาท จากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-ยุโรปหลัง WTO เห็นชอบข้อเรียกร้องของสหรัฐในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรปวงเงิน 7.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากรัฐบาลในประเทศยุโรปให้การอุดหนุนบริษัทแอร์บัสอย่างผิดกฎหมาย ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงเป็นตัวกดดันดัชนี ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 1,468 ล้านบาท และ ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,357 ล้านบาท รวมถึง Net Short TFEX จำนวน 497 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,600 - 1,620 จุด โดยภาวะตลาดมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอ่อนแอลง โดยดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.ลงต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ระดับ 52.6 จุด รวมถึงดัชนีภาคการผลิตลงต่ำสุดในรอบ 10 ปีที่ 47.8 จุดซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวจากผลกระทบ Tradewar ส่งผลให้กระแส Fund flow ยังคงมีแนวโน้มไหลออกต่อไปในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามความคาดหวังเชิงบวกครม.เศรษฐกิจเตรียมพิจารณามาตรการกระตุ้นด้านการส่งออก-ท่องเที่ยวในวันที่ 7 ต.ค. , การเจรจาข้อพิพาทการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐ-จีนในสัปดาห์หน้า (10 – 11 ต.ค.) รวมถึงการที่ Fedwatch เพิ่มคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุม 29 – 30 ต.ค.เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยพยุงดัชนีในจังหวะที่อ่อนตัวลงได้

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มท่องเที่ยว (ERW, MINT ) และส่งออก (GFPT, TU) ครม.เศรษฐกิจจะพิจารณามาตรการกระตุ้นศก.ด้านการส่งออก-ท่องเที่ยวในวันที่ 7 ต.ค.
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TTW, CPALL

หุ้นแนะนำวันนี้

  • GPSC (ปิด 70.5 ซื้อ/เป้า 78 บาท) Bond yield ตลาดจะกลับมาสนใจหุ้นปันผลและหุ้นที่ให้รายได้มั่นคงและสม่ำเสมออีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งเรามองว่า GPSC ยังมีความน่าสนใจเนื่องจาก Valuation ยังไม่แพงหากเทียบกับกำไรที่จะเพิ่มขึ้นจากการรวมหุ้นและผลประกอบการของ GLOW พลังงานเข้ามาตั้งแต่ 4Q19
  • JMT (ปิด 18.4 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 24) ทยอยสะสมคาดแนวโน้มกำไรจะยังพุ่งทำ All time high ได้ทุกไตรมาสจากรายได้ของการเรียกเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตหรือฐานลูกหนี้ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพอร์ตหนี้ในการบริหารทั้งหมด 1.4 แสนล้านบาท สามารถสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่องไปได้อีกอย่างน้อย 12 ปี

บทวิเคราะห์วันนี้

-

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) ตัวเลข ISM ภาคบริการของสหรัฐร่วงลงใกล้ระดับ 50 เป็นสัญญาณเตือนที่ต้องระวัง: วานนี้สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ประกาศตัวเลขดัชนีภาคบริการของสหรัฐเดือน ก.ย.ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ระดับ 52.6 จาก 56.4 ในเดือน ส.ค.และต่ำกว่าที่ Consensus คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 55 การลดลงเร็วและแรงของตัวเลข ISM ภาคบริการถือเป็นสัญญาณเตือนที่ต้องกังวล เนื่องจากโครงสร้าง GDP ของสหรัฐพึ่งพาการบริโภคในประเทศสูงถึง 70% การหดตัวของการบริโภคและการบริการจึงเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มมากขึ้น
  • (+/-) ความน่าจะเป็นที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในช่วงปลายเดือนเพิ่มสูงขึ้นช่วยหนุน Sentiment ได้ในช่วงสั้น: ด้วยภาพตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัวของสหรัฐทำให้ตลาดเกิดความหวังว่าภาครัฐและธนาคารกลางจะต้องออกมาตรการมาเพื่อพยุงเศรษฐกิจเอาไว้ โดยเฉพาะการลดอัตราดอกเบี้ยรวมถึงการนำ QE กลับมาใช้ ดังจะเห็นได้จากคาดการณ์ของตลาด(CME Group) เพิ่มความน่าจะเป็นที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนนี้สูงขึ้นสู่ระดับ 88.2% เทียบจาก 2 วันก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ  64.7% และ 77.5% ตามลำดับ แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงจะเป็นสัญญาณลบต่อกลุ่มธนาคาร
  • (-) ราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่นโดยตรง โดยเฉพาะ PTTEP: กลุ่มธุรกิจน้ำมันยังถูกกดดันจากทิศทางของราคาน้ำมันดิบที่ยังเป็นขาลง โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงสู่ระดับ USD51.45/bbl ลดลง 19 เซนต์ (-0.4%) ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 และเป็นการลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ส่งผลลบโดยตรงต่อภาพรวมการดำเนินงานและ Sentiment การลงทุนของกลุ่มธุรกิจน้ำมัน โรงกลั่นและปิโตรฯ โดยเฉพาะ PTTEP ซึ่งมีราคาขายผูกกับน้ำมันโดยตรง (Oil link) ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นจะมีผลลบจากการขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบและสินค้าคงคลัง