อัญเชิญพระราชดำรัส ‘พระราชินี’ เสริมสร้างศักยภาพสตรีอาเซียน

อัญเชิญพระราชดำรัส ‘พระราชินี’ เสริมสร้างศักยภาพสตรีอาเซียน

ไวป้า อัญเชิญพระราชดำรัสพระราชินี ในการเสริมสร้างศักยภาพสตรีอาเซียน หนุนการพัฒนาภูมิภาค ขณะที่กรอบการหารือทางเศรษฐกิจ ไทยเสนอเตรียมพร้อมสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่4 ด้านอินโดนีเซียประสานเสียงสร้างการเชื่อมโยงดิจิทัล

นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ประธานอนุกรรมการด้านประชาสัมพันธ์และสารสนเทศการประชุม แถลงความคืบหน้าการประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน ครั้งที่ 40 หรือ ไอป้า ว่า การประชุมดำเนินมาเป็นวันที่สอง มีไฮไลท์อยู่ที่กรอบการประชุมคณะกรรมาธิการด้านสมาชิกรัฐสภาสตรีของรัฐสภาอาเซียน หรือ ไวป้า ซึ่งประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุมได้เสนอร่างข้อมติเรื่องการสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ และเสริมสร้างศักยภาพของสตรีในอาเซียน โดยนางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ สมาชิกวุฒิสภา นั่งเป็นประธานประชุมในกรอบดังกล่าว ได้อัญเชิญพระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ในวันสตรีไทย วันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาใจความโดยสรุปเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่สำคัญของสตรีที่มีต่อสถาบันครอบครัว ตลอดจนการถ่ายทอดสั่งสอนการเป็นสตรีไทยที่ดีไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน นับเป็นรากฐานสำคัญสำหรับความมั่นคงของครอบครัว และจะนำพาไปสู่ความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ

ด้านผู้แทนจากฟิลิปปินส์ได้นำเสนอร่างข้อมติเรื่อง การลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเพศในด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นการสนับสนุนเรื่องที่ไทยเสนอให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นายอิสระ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจอาเซียน ที่มุ่งให้เกิดการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในอาเซียนอย่างเท่าเที่ยม โดยฝ่ายไทยได้เสนอร่างข้อมติเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือของอาเซียนเพื่อเตรียมการในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่4 

นายอิสระ กล่าวด้วยว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนมีท่าทีตอบรับที่ดีต่อร่างข้อมติของไทบ ขณะที่อินโดนีเซียได้เสนอเรื่องการพัฒนาความเชื่อมโยงดิจิทัล เพื่อสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีให้เติบโต พร้อมกันนี้ฟิลิปปินส์ได้เสนอให้มีการพัฒนามาตรฐานและเปิดเสรีของบริการการบินภายใต้ตลาดการบินร่วมของอาเซียน 

อย่างไรก็ตาม ร่างข้อเสนอทั้งหมด จะนำไปหารือต่อในวันพรุ่งนี้(28 ส.ค.) เพื่อให้ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งจะนำไประบุในเอกสารแถลงการณ์ร่วมการประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน ครั้งที่ 40 ที่จะประกาศในวันที่ 29 ส.ค.นี้ เพื่อให้แต่ละประเทศนำข้อมติดังกล่าว นำกลับไปพิจารณาออกกฎหมายของประเทศให้สอดคล้องต่อแนวทางความมุ่งมั่นที่จะช่วยกันขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน