'อิสระ' ห่วงขีดความสามารถในการแข่งขันเอกชนตก ฉุดขีดความสามารถแข่งขันประเทศ

'อิสระ' ห่วงขีดความสามารถในการแข่งขันเอกชนตก ฉุดขีดความสามารถแข่งขันประเทศ

“อิสระ” ห่วงขีดความสามารถในการแข่งขันเอกชนตก ฉุดขีดความสามารถแข่งขันประเทศ แนะประธาน สอท. – ประธานสภาอุตสาหกรรม จับเข่าคุยจริงจัง ดึงสถานศึกษาช่วยคิดหลักสูตรปรับเปลี่ยนธุรกิจ ชี้ควรเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการบริหารมากขึ้นทุกระดับ

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.62 นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในหัวข้อ “Competing in the Future Context : Are We Ready?” ระหว่างงานสัมนา “Thailand Competitiveness Conference 2019” จัดโดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่าการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันโดยสถาบันการจัดการนานาชาติ (IMD) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเพิ่มขึ้น 5 อันดับที่ 30 มาอยู่อันดับที่ 25 แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียใจที่อันดับความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนไทยปรับลดลง 2 อันดับ จาก 25 มาอยู่ที่อันดับที่ 27 โดยในระยะ 5 ปีที่ผ่านมาอันดับความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนทรงตัวอยู่ที่อันดับ 25 และถูกปรับลดอันดับลงในปีนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องหาทางในการแก้ไขอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้มีกระทบกับความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว

ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) และปรานสภาหอการค้าแห่งประเทศต้องมาหารือกันอย่างจริงจังว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงธุรกิจและเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และใช้มหาวิทยาลัยเข้ามาเป็นตัวกลางในการคิดวิธีการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการในการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) สามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งการทำงานในรูปแบบนี้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้มีการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในการทำหลักสูตร และการอบรมให้กับผู้ประกอบการโดยให้ภาคธุรกิจที่มีประสบการณ์เข้ามาถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำธุรกิจ

โดยปัญหาที่พบมากในปัจจุบันของภาคธุรกิจคือการปรับตัวไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง และการบริหารจัดการที่ไม่ยืดหยุ่น ซึ่งแนวทางในการแก้ปัญหาอาจจะต้องใช้มุมมองของคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานร่วมกับคนรุ่นเก่าเพื่อเพิ่มความคิดและกลยุทธ์ทางธุรกิจที่มีความหลากหลายมองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ดี ซึ่งแนวคิดแบบนี้ใช้ได้สำหรับการบริหารงานในทุกระดับตั้งแต่ระดับธุรกิจครอบครัว จนถึงระดับประเทศที่ทั้งรัฐบาลและคณะกรรมการต่างๆจะต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมบริหารประเทศได้มากขึ้น