“บิ๊กโจ๊ก” แถลงจับ “ดร.เซปิง เฟซอ๊อฟ” หลอกเหยื่อศัลยกรรม เหยื่อโอดครวญ ไม่กล้าส่องกระจก สามีขอเลิก
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 เมษายน 2562 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ในฐานะ รอง ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปอส.ตร.) แถลงจับกุมนางสาวเซปิง ไชยศาส์น หรือ ดร.เซปิง ประธานโครงการศัลยกรรมความงามเฟซออฟ และนายบทมากร วัฒนะนนท์ เจ้าของบัญชีโครงการเฟสออฟ ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”ในคดีทำศัลยกรรมเสียโฉม
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กล่าวว่า ประมาณกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้เสียหาย 7 คน ที่เข้าโครงการศัลยกรรมของ ดร.เซปิง มาร้องทุกข์ที่ศูนย์ ศปอส.ตร. เนื่องจากเข้าทำศัลยกรรมและผลไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่โฆษณาไว้ ว่าจะไม่มีรอยแผลเป็น ไม่มีรอยช้ำ ทำให้หน้าอ่อนเยาว์ลง 10-20 ปี ทำให้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จนศาลอนุมัติหมายจับนางสาวเซปิง กระทั่ง เมื่อวานที่ผ่านมาตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านย่านนนทบุรีพบนางสาวเซปิง และ นายบทมากร ภายในบ้านหรู จึงได้ควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฎิเสธ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับพฤติกรรมนางสาวเซปิง ทำหน้าที่เป็นเอเย่นต์ วิเคราะห์ใบหน้า และประสานงาน จากนั้นส่งผู้เสียหายไปทำศัลยกรรมที่โรงพยาบาล โดยทางตำรวจจะทำการสืบสวนขยายผลเอาผิด โรงพยาบาล จากข้อมูลพบว่ามี 1 แห่ง และแพทย์ผู้ทำศัลยกรรม 2 คน พร้อมกันนี้จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา คาดว่ามีมากกว่า10 ล้านบาท สำหรับนางสาวเซปิง จบด็อกเตอร์จริง แต่จบด้านบริหาร ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม ส่วนจะเอาผิดเพิ่มเติมในเรื่องโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่นั้นต้องสอบสวนขยายผลเช่นกัน เนื่องจากผู้ต้องหามีการโฆษณาให้ลูกค้าเข้าร่วมโครงการ ส่วนนายสุรชัย สมบัติเจริญ นักร้องดังที่เข้าร่วมโครงการ เบื้องต้น ไม่มีความผิด เพราะเจตนาบริสุทธิ์
ทางด้าน น.ส.ไรวินทร์ ลอว์สัน หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวด้วยว่า ทุกวันนี้แทบไม่กล้าส่องกระจก เพราะรับไม่ได้กับใบหน้าที่ต้องเสียโฉมไป ประกอบกับสามีชาวต่างชาติที่คบกันมากว่า 13 ปี ก็มีท่าทีจะทอดทิ้ง เนื่องจากรับไม่ได้กับการทำศัลยกรรมผิดพลาด ยืนยันจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด เพราะสิ่งที่ผู้ต้องหาทำให้ผิดวัตถุประสงค์จากที่โฆษณาว่า สามารถเปลี่ยนแปลงใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ได้
“รู้จักโครงการเฟซออฟ ผ่านโซเชียลมีเดีย และเห็นว่ามีนักร้องรุ่นเก่าชื่อดัง เข้าโครงการแล้วเห็นผล จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการโดยมีค่าใช้จ่าย รวมประมาณ 680,000 บาท ประกอบด้วย ค่าทำศัลยกรรม 3 อย่างคือ ดึงหน้า 3 ส่วน เปลี่ยนจมูก และ เลาะซิลิโคนที่เคยทำไว้กับหมอกระเป๋า มีสภาพหย่อนคล้อย หลังจากทำศัลยกรรมผ่านไป 3 เดือนกลับพบว่า ไม่สวยสมใจ แต่กลับมีสภาพใบหน้าที่แย่ลง ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้เสียหายทั้งหมดรวมตัวกันได้ เนื่องจากหลังทำศัลยกรรมมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อสอบถามผลลัพธ์จนภายหลังทราบว่าทุกคนมีปัญหาเหมือนกัน จึงได้รวมตัวกันได้”ผู้เสียหายกล่าว