เปิดคำพิพากษา ศาลนนทบุรี คุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ขรก.สป.สธ.ลวนลามลูกจ้างหญิง
จากกรณีที่เป็นข่าวครึกโครมช่วงเดือน ส.ค.60 ที่ข้าราชการชายสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ลวนลามกระทำอนาจาร ลูกจ้างหญิง กระทั่งถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงจากพฤติการณ์คุกคามทางเพศ และพิจารณาโทษเมื่อเดือน พ.ย.60 ที่ผ่านมา โดยพนักงานลูกจ้างหญิงก็ได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ด้วยนั้น
ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ก.พ.61 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้อ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอัศม์เดช รัตนวรประเสริฐ อายุ 40 ปี หัวหน้าส่วนกลุ่มภารกิจอำนวยการ สป.สธ. เป็นจำเลย ในคดีหมายเลขดำ อ.4200/2560 ความผิดฐานกระทำอนาจารหญิงอายุเกินกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278
โดยอัยการโจทก์ ยื่นฟ้องระบุว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน คือเมื่อวันที่ 5 ก.ค.60 เวลากลางวัน นายอัศม์เดช จำเลยได้กระทำอนาจารลูกจ้างหญิงกระทรวงสาธารณสุข อายุ 30 ปี ผู้เสียหาย โดยใช้กำลังประทุษร้ายด้วยการใช้แขนทั้งสองข้าง โอบกอดรัดตัวผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายไม่สามารถขัดขืนได้ และผู้เสียหายก็ไม่ยินยอมให้จำเลยกระทำดังกล่าว
ต่อมาวันที่ 31 ก.ค.60 เวลาประมาณ 18.00 น.จำเลย ก็ยังได้กระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายอีก โดยใช้มือสอดมาใต้รักแร้ของผู้เสียหายและใช้มือจับที่หน้าอก โดยผู้เสียหายอยู่ในสภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วเมื่อวันที่ 7 ส.ค.60 เวลากลางวัน จำเลยก็ได้กระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายด้วยการใช้มือโอบไหล่ข้างซ้ายของผู้เสียหายแล้วดึงเข้าไปหาตัวจำเลย ก่อนที่จำเลยจะใช้มือขวาจับศีรษะของผู้เสียหาย แล้วจึงได้โอบกอดรัดตัวผู้เสียหาย ซึ่งจำเลยได้ทำอนาจารต่อผู้เสียหายใน สป.สธ.ในลักษณะเปิดเผยให้พนักงาน,ลูกจ้าง,เจ้าหน้าที่ ที่ทำงานอยู่ในสถานที่ดังกล่าวสามารถเห็นการกระทำได้อันเป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพจำเลยแล้ว จึงพิพากษาว่า นายอัศม์เดช จำเลย มีความผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.278 ซึ่งการกระทำนั้นเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน จึงให้ลงโทษทุกกรรมเป็นรายกระทงความผิดไป
โดยให้จำคุก นายอัศม์เดช จำเลย 3 กระทงๆละ1 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน
แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว จำเลยเป็นชายซึ่งมีภรรยาและบุตรอยู่แล้ว อีกทั้งยังเคยปฏิบัติราชการในหน่วยงายต่างๆหลายแห่ง โดยขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งถึงหัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปในหน่วยงานราชการที่เกิดเหตุ และเป็นบุคคลที่มีอายุ 40 ปี ตามมาตรฐานวิญญูชนซึ่งมีคุณวุฒิและวัยวุฒิกับจำเลยที่อยู่ในฐานะผู้มีตำแหน่งราชการสูงกว่าผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ผู้อื่นสมควรจะต้องมีสำนึกในการเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาในการดำรงตนให้อยู่ในกฎระเบียบ และจริยธรรมของการเป็นข้าราชการที่ดีในอันที่จะสร้างความเลื่อมใส ศรัทธาให้แก่ประชาชนทั่วไป และย่อมต้องมีวุฒิภาวะรู้สำนึกผิดชอบชั่วดีมากแล้ว แต่จำเลยยังกระทำความผิดในคดีนี้ถึง 3 ครั้งในช่วงเวลาใกล้เคียงกันในสถานที่ราชการ อันเป็นสถานที่เปิดเผย และอาจมีคนเห็นได้ โดยอาศัยโอกาสในฐานะที่จำเลยมีตำแหน่งหน้าที่สูงกว่าผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเพียงลูกจ้างตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการแสวงประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองอันเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ ในชีวิตและร่างกาย รวมทั้งเป็นการไม่เคารพศักดิ์ความเป็นมนุษย์ในการดำรงชีพ และความเป็นส่วนตัวของผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงมีสามีแล้ว
การกระทำของจำเลย จึงเป็นการกระทำที่ไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายอันจะเกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อผู้เสียหาย รวมทั้งครอบครัวของผู้เสียหายและครอบครัวของตนเองที่ต้องอับอาย และเป็นการบั่นทอนกำลังใจในการทำงานของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย ขัดต่อศีลธรรมอันดีต่อประชาชน และเป็นภัยต่อสังคมส่วนรวม
แม้ จำเลย ไม่เคยมีประวัติกระทำความผิดมาก่อน นิสัยและความประพฤติไม่ปรากฏข้อเสียหายร้ายแรง และหลังจากคดีเสร็จการพิจารณาแล้วจำเลยนำเงินจำนวน 30,000 บาทมาวางต่อศาลเพื่อมอบให้แก่ผู้เสียหาย อันเป็นการพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้นก็ตาม แต่ตามรายงานกระบวนพิจารณา ฉบับลงวันที่ 4 ธ.ค.60 ผู้เสียหายแถลงต่อศาลแล้วว่าไม่ประสงค์จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย โดยประสงค์ให้จำเลยได้รับโทษตามกฎหมาย เพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบ และไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่นโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ให้ใช้อิทธิพลในฐานะผู้มีตำแหน่งหน้าที่เหนือกว่า ฉวยโอกาสกระทำความผิดเช่นเดียวกับจำเลย ประกอบกับพนักงานคุมประพฤติเห็นว่าการใช้วิธีคุมความประพฤติน่าจะไม่เหมาะสมกับจำเลย ตามพฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามคดีนี้เป็นเพียงคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งจำเลยมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คดีได้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ 2 ก.พ. 60 ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษา