ยึดไอซ์พ่อค้ายามาเลย์87กก. -ขยายผลจับเครือข่าย 'ไซซะนะ'

ยึดไอซ์พ่อค้ายามาเลย์87กก. -ขยายผลจับเครือข่าย 'ไซซะนะ'

ปส.ยึดไอซ์พ่อค้ายามาเลย์87กก.พร้อมขยายผลจับเครือข่าย “ไซซะนะ” ราชายาเสพติดลาว เผยมีดารา-ไฮโซไทยอีกเพียบร่วมปาร์ตี้ยา-ฟอกเงิน

ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผบช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวจับขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 คดี มูลค่ารวมกว่า 406,530,120 บาท 

คดีแรก ตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย 1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ลักษณะเป็นเกล็ดผลึกสีขาวใส บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส น้ำหนักถุงละประมาณ 1 กิโลกรัม จำนวน 87 ถุง รวมน้ำหนักทั้งหมดประมาณ 87 กิโลกรัม 2.ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชาแห้งอัดแท่ง) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 24.10 กรัม 3. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน PEM 1957 จำนวน 1 คัน สามารถตรวจยึดที่บ้านเลขที่ 793/9 หมู่บ้านชยนันท์ เฟส 2 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ต่อเนื่องบริเวณหน้าบริษัทออร์เนท กรุ๊ป ถนนเพชรเกษม ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ผู้ต้องหาสามารถหลบหนีไปได้ ทราบชื่อ นายโถ บี เซียง (MR.TOH BEE SIANG) ชาวมาเลเซีย ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่าที่บ้านเลขที่ 793/9 หมู่บ้านชยนันท์เฟส 2 ม.1 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีนายโถชาวมาเลเซีย (ทราบชื่อภายหลังการตรวจยึด) เช่าพักอาศัยโดยไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง และมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดประเภทไอซ์ส่งออกจำหน่ายประเทศเพื่อนบ้าน โดยนายโถจะใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียนมาเลเซีย PEM 1957 เป็นยานพาหนะ และมักจะลักลอบลำเลียงยาไอซ์มาเก็บซุกซ่อนไว้ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบรถยนต์หมายเลขทะเบียนมาเลเซีย PEM 1957 ตรงตามที่สายลับแจ้ง จอดอยู่ที่หน้าบ้าน

ต่อมาช่วงค่ำพบนายโถ เดินออกมาจากบ้าน แล้วเปิดประตูรถพร้อมกับสตาร์ทเครื่องยนต์ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อตรวจค้น แต่นายโถได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวออกทางปากซอยอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตาม แต่นายโถได้ขับรถย้อนศร มุ่งหน้าไป อ.หาดใหญ่ ใช้เส้นทางสายลพบุรีราเมศร์-สนามบิน อย่างรวดเร็ว แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถติดตาม แต่ไม่สามารถติดตามได้ทัน

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวอีกว่า จากพฤติการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดเชื่อว่าภายในบ้านพักและในรถยนต์ น่าจะมียาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ จึงแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ที่บ้านและติดตามรถยนต์ จนพบรถยนต์คันดังกล่าว จอดทิ้งไว้อยู่ที่บริเวณหน้าบริษัท ออร์เนท กรุ๊ป ถ.เพชรเกษม ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ไม่พบตัวผู้ต้องหาแต่อย่างใด เมื่อสอบถามชาวบ้านบริเวณนั้น แจ้งว่าคนขับได้ทิ้งรถวิ่งหลบหนีไปทางตลาดนัดควนลัง เจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ พร้อมมอบหมายเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบของกลางไอซ์ จำนวน 38 ถุง น้ำหนักประมาณ 38 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในโซฟานั่งตัวที่ 1 และพบไอซ์ จำนวน 49 ถุง น้ำหนักประมาณ 49 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในโซฟานั่งตัวที่ 2 และกัญชา น้ำหนักประมาณ 24.10 กรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องนอน ชั้น 2 ของบ้านที่เกิดเหตุ จึงตรวจยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.4 เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลและติดตามตัว นายโถ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่สอง เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด (บก.สกส.บช.ปส.) ร่วมกับ บก.ปส.2 และบก.สส.ภ.1 ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย คือ นายม่าง ย่างคีรี อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/1 หมู่ 1 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก นางกนกวิภา ย่างคีรี อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/1 หมู่ 1 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก และนายไพเสริฐ แซ่ย่าง อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 1 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 720,000 เม็ด รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน ชณ 9910 กรุงเทพมหานคร รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1ฒบ 5456 กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง โดยสามารถจับกุมนายม่าง และนางกนกวิภา ได้ที่บริเวณภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.สาขาหนองขอนกว้าง ถนนมิตรภาพ ต.หนองขอนกว้าง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี และจับกุมนายไพเสริฐ ได้ที่บริเวณสามแยกไฟแดงกุมภวาปี ถนนมิตรภาพ ต.พันดอน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” เมื่อเวลา 06.30 น.ของวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา

การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ บก.สกส.บช.ปส. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติ จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนทางภาคอีสานด้าน จ.นครพนม โดยจะนำมาเก็บพักรอที่บ้านเช่าในเขตพื้นที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เพื่อรอการส่งให้กับลูกค้า โดยจะใช้รถยนต์กระบะบรรทุกที่จัดทำช่องลับต่างๆไว้สำหรับซุกซ่อนยาเสพติด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงจัดกำลังเฝ้าสะกดรอยติดตาม กระทั่งเวลา 04.00 น. ของวันที่ 29 ม.ค. พบกลุ่มผู้ต้องหาขับรถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน ลักษณะมีพิรุธ ใช้เส้นทาง เซกา – บึงกาฬ – บึงโขงโหลง – วานรนิวาส – สกลนคร – อุดรธานี จึงขับรถติดตาม 

กระทั่งเวลา 06.30 น. รถยนต์กระบะของผู้ต้องหาแวะที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.สาขาหนองขอนกว้าง ต.หนองขอนกว้าง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบของกลางยาบ้าซุกซ่อนอยู่ตามช่องลับต่างๆของรถกระบะวีโก้ หมายเลขทะเบียน ชณ 9910 กรุงเทพมหานคร จึงทำการจับกุมตัวผู้ต้องหานำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้สืบสวนขยายผลการจับกุมบุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์ต่อไป

ด้าน พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบในคดีแรกสามารถจับได้ที่บริเวณหน้าด่านก่อนเข้าประเทศมาเลเชีย โดยพฤติการณ์จะขนย้ายยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือมายังภาคใต้ ก่อนที่จะส่งไปประเทศมาเลเชีย ส่วนคดีที่สองเป็นชนเผ่าม้งเครือข่ายของนายไซซะนะ โดยจะใช้เส้นทางจ.นครพนม มีการนัดรับยาที่ริมแม่น้ำโขง โดยผู้ต้องหากลุ่มนี้จะพักห่างจากจุดพักยา 50 กิโลเมตร เพื่อป้องกันการจับกุม สิ่งสำคัญจะรู้ความเคลื่อนไหวของตำรวจท้องที่ หากมีการกวาดล้างจับกุมจะหยุดดำเนินการ ทั้งนี้จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การชักทอดว่ามีบุคคลในวงการบันเทิง กลุ่มบุคคลไฮโซที่มีชื่อเสียง และวงการรถหรูมีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลทรัพย์สินของเครือข่ายนายไซซะนะ 

พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวอีกว่า เมื่อทำการขยายผลทราบว่าทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยนายไซซะนะจะเช่าบ้านที่อยู่ในสวนห่างไกลผู้คนเป็นที่พักทรัพย์สิน สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างตัวนายไซซะนะกับกลุ่มบุคคลไฮโซทั้งหลาย ทราบว่า นายไซซะนะจะแสดงตนเป็นเศรษฐีจากฝั่งลาวเข้ามาในประเทศไทย จากนั้นก็จะจัดปาร์ตี้เชิญเหล่าดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายวงการเข้ามาร่วมงาน จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการรู้จัก จากนั้นก็จะใช้การแปลงทรัพย์สินต่างๆในลักษณะฟอกเงิน อย่างไรก็ตาม สำหรับเครือข่ายของนายไซซะนะ จากแนวทางการสืบสวนพบว่ามีเครือข่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศประมาณกว่า 100 เครือข่าย โดยบางกลุ่มหันมาผลิตยาเอง แต่ยังไม่มีศักยภาพพอที่จะส่งออกนอกประเทศเทียบเท่านายไซซะนะ 

ทั้งนี้ สถิติผลการจับกุมคดียาเสพติดประจำปีงบประมาณ 2560 ช่วงวันที่ 1 ต.ค.-31 ม.ค. สามารถจับกุมได้ 143 คดี ยึดของกลางยาบ้า 14 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 871 กิโลกรัม เฮโรอีน 69 กิโลกรัม โคเคน 16 กิโลกรัม กัญชาแห้ง 369 กิโลกรัม และยึดทรัพย์สินกว่า 84 ล้านบาท