ภาคภูมิ ภู่สอาด ความผาดโผนบนอาน BMX Flatland

ภาคภูมิ ภู่สอาด ความผาดโผนบนอาน BMX Flatland

ตูน - ภาคภูมิ ภู่สอาด 1 ใน 10 อันดับโลก BMX Flatland ผู้คลั่งใคล้ความผาดโผนบนอานจักรยาน

               ใต้สะพานพุทธ เป็นแหล่งรวมพลคนชอบขี่จักรยาน แต่ไม่ใช่การขี่จักรยานระยะไกล ปั่น Trail หรือปั่นแบบที่กำลังฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองไทยนะ เพราะนี่เป็นการขี่จักรยานประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ แฟลตแลนด์ (BMX Flatland) หรือการขี่จักรยานผาดโผน โฉบเฉี่ยวบนทางเรียบ เน้นทรงตัวอยู่บนจักรยานให้นานพร้อมกับวาดลวดลายอวดท่วงท่าให้เท่ เจ๋ง โดนใจผู้ชม และเข้าตากรรมการเข้าไว้

               กิจกรรมที่ว่าเป็นเวทีปลุกปั้นให้นักขี่จักรยานแฟลตแลนด์สัญชาติไทย “ตูน ภาคภูมิ ภู่สอาด” วัย 23 ปี ติดทำเนียบอันดับ 10 ของโลก จากการแข่งขันจักรยานผาดโผนชิงแชมป์โลก รายกร IBMXFF World Championship 2016 (Nass Festival) ประเภทแฟลตแลนด์ ที่เมืองบิสตอล ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 8-10 กรกฎาคม 2559 ซึ่งเป็นสนามที่มีการฝ่าฟันกับผู้เข้าแข่งขันกว่า 300 คน จาก 30 ประเทศทั่วโลก

 

บีเอ็มเอ็กซ์ แฟลตแลนด์

               กว่าไปก้าวไปสู่จุดนั้นได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกีฬาเอ็กซ์ตรีมประเภทนี้ ไม่ได้ฮิตนักในเมืองไทย แต่ทำไม หนุ่มตูนถึงมุ่งเอาดีด้านนี้ ทั้งที่คนขี่จริงๆ มีไม่ถึงร้อยคน

               “เกิดจากความชอบส่วนตัวล้วนๆ ผมเคยเห็นจากรายการทีวี และมีรุ่นพี่ใกล้ตัวเล่นอยู่พอดี” ภาคภูมิในวัย 16 ปี จึงหาจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์แฟลตแลนด์ไปรวมตัวกลับกลุ่มเพื่อน 5 - 6 คนขี่เล่นใต้สะพานพุทธ เพราะมีที่หลบแดดฝนได้ “ตอนนั้นเล่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ตอนนี้เขาแยกย้ายไปทำงานอย่างอื่นกันหมดแล้ว”

               เมื่อเหลือคนเดียว ภาคภูมิก็ย้ายสถานที่ฝึกหัดมาที่บริเวณเสาชิงช้า

               พูดถึงการขี่จักรยานแฟลตแลนด์ในบ้านเราไม่ค่อยนิยมกันมากนัก หากตัดความชอบออกไป เหตุผลท่วงทีลีลาที่ขี่ยากเอาการ แม้จะบอกไม่ได้ว่ายากแค่ไหน แต่บอกเลยว่าทักษะการขี่ของแต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากัน บางคน 3 - 4 วันก็ขี่ได้ บางคน 1 สัปดาห์ แต่บางคน 3 - 4 เดือนก็ยังขี่ไม่ได้ ส่วนอุปกรณ์ตัวจักรยานนั้น ก็ราคาหนักพอตัว หลักหลายพันบาท ไปจนถึงหลักหมื่นบาท

 

จากเรื่องเล่นเปลี่ยนเป็นเอาจริง

               เพราะใจรักไปแล้ว หัดขี่อยู่ 3 - 4 เดือน ภาคภูมิก็ขอลงสนามแข่งซะเลย ประเดิมในประเทศซึ่งเป็นรุ่นมืออาชีพหรือ Professional แต่ในไทยเรียกเป็นรุ่น Open ผลการแข่งขันไม่ต้องบอก รั้งท้ายแน่นอน เขาจึงเดินสายหาประสบการณ์ในประเทศมาพอตัว ใจก็ท้าทายอยากรู้สนามต่างประเทศเป็นอย่างไร เลยออกไปแข่ง Asian X Games ประเทศเกาหลี ในปี 2548 “ตอนนั้นพอขี่ได้บ้างก็อยากไปเปิดหูเปิดตา” ไปก็ยังคงตกรอบแรกๆ

               การขี่บีเอ็มเอ็กซ์ แฟลตแลนด์ให้ได้คะแนนสูงๆ หลักเกณฑ์ตัดสินมีไม่มาก แต่สิ่งสำคัญคือต้องทรงตัวบนจักรยานให้นานที่สุดโดยเท้าไม่แตะพื้น และโชว์ลีล่าท่าทางจะยากหรือง่าย ก็ขึ้นกับฝีไม้ลายมือและสิ่งที่ผู้เข้าแข่งขันได้ฝึกฝนมา ส่วนเวลาที่ใช้แข่งขันก็ไม่นานนัก อย่างรายการล่าสุดที่เจ้าตัวไปแข่งขันคือ IBMXFF World Championship ใช้เวลาเพียง 2.30-3 นาทีเท่านั้น

 

รักแล้วทุ่มเลย

               ก่อนไปแข่งขันขี่จักรยานแฟลตแลนด์ในรายการเล็ก ไล่ไปจนถึงใหญ่ระดับโลก สิ่งที่ภาคภูมิต้องทำคือ ฝึกซ้อมให้หนัก ด้วยความที่เทใจให้กีฬาเอ็กซ์ตรีมประเภทนี้สุดใจ นักกีฬาเต็มตัวอย่างเขาทุ่มเทเวลาฝึกซ้อม 2 ครั้งต่อวัน คือเช้าและบ่าย รวมกัน 4 - 5 ชั่วโมงต่อวัน และฝึก 5 วันต่อสัปดาห์  กระทั่งใกล้วันแข่งจริง จะเริ่มผ่อนซ้อมออมแรงไว้เต็มที่กับรอบคัดเลือก สู่เส้นทางชิงชัยในสนามจริง

               ปัจจุบันภาคภูมิ เดินสายไปต่างประเทศเพื่อแข่งขันขี่จักรยานแฟลตแลนด์ปีละ 2-3 รายการใหญ่ และเขาบอกว่าค่อนข้างโชคดีที่มีค่าย “สิงห์” เป็นสปอนเซอร์ และแรงหนุนจาก “สมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย” ที่มี “บิ๊กต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี” เป็นนายกสมาคมฯบริหารอยู่

               “การไปแข่งขันที่ต่างประเทศแต่ละครั้ง ใช้เงินทุนค่อนข้างสูง ไหนจะค่าตั๋วเครื่องบิน ที่พัก มี 6 หลักแน่นอน แต่ไม่ถึงล้าน เพราะแข่งขันเพียงคนเดียว” การมีสปอนเซอร์สำคัญมาก เพราะเทียบกับความฮิตของกีฬาประเภทอื่นแล้ว บีเอ็มเอ็กซ์ แฟลตแลนด์ ไร้แรงหนุนจากสินค้าหรือแบรนด์ดัง เพราะที่ผ่านมาเขาลองเดินสายขอสปอนเซอร์แล้ว ได้กลับมาเป็นเพียงสินค้า สิ่งของ โดยไม่มีตัวเงิน

               ขณะที่เงินรางวัลจากการแข่งขัน ก็ไม่มาก หลักร้อยเรื่อยไปจนถึงพันเหรียญสหรัฐเท่านั้น อย่างรายการ IBMXFF World Championship แม้ชื่อของภาคภูมิจะติดท็อปเท็น (1 ใน 10) แต่เงินรางวัลก็ได้เพียงหลักร้อยเหรียญสหรัฐเท่านั้น               

               ถามว่าทุกการแข่งขัน มุ่งมั่นตั้งใจทำท่ายากแค่ไหน เขาบอกว่า “เล่นท่าที่ชอบที่สุด สนุกกับมันให้มากที่สุด แค่นั้น เพราะผมต้องการแข่งขันกับตัวเองมากกว่าคนอื่น” และนั่นทำให้เจ้าตัวตั้งใจจะเล่นไปเรื่อยๆ เท่าที่ร่างกายจะไหว ส่วนจะไประดับโลกไหมคิดทุกวัน แต่สำคัญคือ ขอขี่ BMX Flatland ไปนานๆที่สุด